Sort by
Sort by

เรียนรู้การปรับอารมณ์ให้ยืดหยุ่นได้มากขึ้น

เรียนรู้การปรับอารมณ์ให้ยืดหยุ่นได้มากขึ้น
ในชีวิตประจำวัน เรื่องเครียดๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งเราไม่อาจเตรียมตัวตั้งรับได้ทุกเรื่องไป แต่ก็มีกลยุทธ์การฝึกฝนอารมณ์ให้สงบนิ่ง เพื่อจะได้สามารถตั้งรับและเผชิญสถานการณ์ร้ายๆ ได้ทุกรูปแบบอย่างมั่นคง โดยไม่ลำบากจนเกินไป

ถ้าสังเกตดู เราจะพบว่าคนเรารับมือกับปัญหาได้หลายแบบแตกต่างกันไป ปัญหาเดียวกันนี่แหละ แต่ละคนก็มีวิธีการแก้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการจัดการกับอารมณ์ ความผิดหวัง ตลอดจนการรู้จักรอจังหวะเหมาะที่จะลงมือ ทั้งหมดนี้เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ ไม่ลำบากจนเกินไป ดร. ทิม ชาร์ป ผู้ก่อตั้งสถาบันที่ชื่อ The Happiness Institute กล่าวไว้ว่า “เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับปัญหาทางอารมณ์ เมื่อเจอปัญหาที่รุนแรง พวกเขาจึงทำอะไรไม่ถูก ถ้าหากว่าฝึกฝนอารมณ์ให้มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งตึงจนเกินไป คุณก็จะไม่ตื่นตระหนกมากเมื่อเจอปัญหา และตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น”

เคล็ดลับปรับอารมณ์ให้ยืดหยุ่น

เคยสงสัยกันบ้างไหมทำไมคนบางคนเขาไม่ค่อยเครียดจัดหรือรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าคนอื่นๆ ดร. ชาร์ปอธิบายว่า “คนบางคนก็เกิดมาพร้อมพันธุกรรมโชคดีกว่าคนอื่น พวกเขามีแนวโน้มจะมองโลกในแง่ดี และสบายใจ ไม่คิดมาก แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อมในชีวิต โดยเฉพาะเวลาเราเห็นพ่อแม่รับมือกับปัญหา เด็กส่วนใหญ่ก็จะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ รวมไปถึงคนสำคัญในชีวิตอย่างเช่น ญาติผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย ตลอดจนคุณครูที่โรงเรียน” อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลักษณะนิสัยและวิธีรับมือความเครียดของแต่ละคนจะได้รับการกำหนดมาแล้ว แต่คนเราก็สามารถฝึกปรับความคิดให้ตัวเองมองโลกในแง่ดีขึ้นได้ หรือบางครั้งเมื่อมีปัญหา อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว การขอคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ อาจช่วยให้คุณรับมือกับอารมณ์ได้ดีขึ้น

จะปรับอารมณ์อย่างไรดี

1. หัดมองโลกในแง่ดี ฟังดูก็อาจจะง่าย แต่เมื่อเจอกับปัญหา การปรับตัวก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย อย่างแรกที่เราอยากให้คุณคิดก็คือ... ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้น อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ หรือคิดแง่ลบเอาไว้ล่วงหน้า คนที่สามารถปรับอารมณ์ได้ดีคือคนที่แม้จะรู้ว่าสถานการณ์เลวร้าย มีปัญหา แต่ก็ยังหัวเราะได้อย่างอารมณ์ดี แล้วพูดได้ว่า “มันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกน่า” หรือ “ปัญหาไม่ได้อยู่ตลอดไปหรอก” ใจเย็นและมีเป้าหมายไว้เสมอ และคิดไว้ว่าทุกอย่างแก้ไขได้และมีทางออก

2. ลงมือทำ การลงมือจัดการปัญหาต่างๆ ภายในเวลาที่จำกัด ก็จะช่วยเพิ่มความอดทนยืดหยุ่นและการรับมือกับปัญหาได้เช่นกัน อย่างแรกที่ต้องระวังคือ ถ้ามีปัญหา อย่าเน้นที่ความผิด หรือคิดจะหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือโทษคนอื่น แต่ให้ถามตัวเองด้วยคำถามที่ว่า “ฉันจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง” หรือ “เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทันไหม” หรือ “จะทำอย่างไรให้ดีกว่านี้” เป็นต้น สิ่งที่เราอยากบอกก็คือเมื่อเจอปัญหาและต้องรับมือ ให้รับมืออย่างสร้างสรรค์และรู้จักหาทางแก้ไข ไม่ใช่รับมือด้วยการกล่าวโทษใครต่อใคร

3. หารือกับคนอื่นๆ คนที่ไม่เคร่งเครียดกับปัญหาเกินไปและไม่ทำตัวให้กดดันจนเกินไป ก็คือคนที่รู้จักพูดคุย มีอะไรก็บอกเพื่อน ไม่มัวแต่หดหู่เคร่งเครียดหรือเก็บปัญหาไว้คนเดียว อย่าไปคิดว่าตัวเองแข็งแกร่ง และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวคนเดียว แต่มีอะไรให้ลองปรึกษาหารือคนอื่นๆ เลือกคนที่ไว้ใจ เพื่อนร่วมงาน คนรัก หรือใครก็ตามทีที่คุณแน่ใจว่าจะช่วยเหลือคุณได้ แล้วบอกพวกเขาด้วยประโยคง่ายๆ “ฉันเจอปัญหา และอยากให้เธอช่วยคิด” คุณไม่ควรประเมินค่าของกำลังใจต่ำเกินไป ถ้าหากคุณได้รับแรงใจจากเพื่อนๆ หรือคนใกล้ตัว ก็จะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นได้

4. สะสมช่วงเวลาแห่งความสุข ช่วงเวลาเครียดๆ หรือเลวร้ายเกิดได้เสมอ ดังนั้น เราอยากให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สะสมประสบการณ์ดีๆ เอาไว้ แม้ว่าจะไม่อาจห้ามไม่ให้เกิดความทุกข์ได้ แต่เมื่อใดที่พบกับความทุกข์ คุณก็จะรู้เสมอว่าเดี๋ยวความสุขก็วนกลับมาใหม่ ไม่ใช่จะมีแต่ความทุกข์อย่างเดียว

5. สร้างความรู้สึกดีๆ และกำลังใจให้ตัวเอง ดีกว่าจะวิจารณ์ตัวเองแย่ๆ คิดแต่เรื่องไม่ดีให้ตัวเอง หรือคิดว่าตัวเองแย่ ไม่เก่ง หรือไม่มีความสามารถ คุณควรรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถรับมือและก้าวผ่านปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ ไปได้

ลองนี่ดู

  • เวลาเครียดหรือมีเรื่องไม่สบายใจ ลองหาอะไรที่ทำแล้วทำให้คุณสบายใจขึ้น เช่น ไปพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ ฟังเรื่องของคนอื่นดูบ้าง พาสุนัขไปเดินเล่น ออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง ฟังเพลง กินช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ สักสองสามชิ้น หรือไปนวดตัวเสียหน่อย ก็จะทำให้คุณผ่อนคลายและรู้สึกดีขึ้นได้ นอกจากนี้ การเล่นโยคะหรือนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้มาก
  • พยายามหัวเราะบ่อยๆ ไปดูหนังคอมเมดี้ หรือคุยกับเพื่อนที่มีอารมณ์ขันพูดแล้วทำให้เราหัวเราะได้