ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีหรือเพิ่งสำเร็จการศึกษา Nestlé ก็มีโอกาสในการทำงานให้กับคุณ ค้นหางานได้ที่นี่
ชวนเช็กอายุร่างกาย พร้อมเคล็ดลับย้อนวัยอายุร่างกายให้สุขภาพดีด้วยการกินอยู่อย่างสมดุลที่เหมาะกับคุณ

รู้ไหมว่า? จริง ๆ แล้วทุกคนมีตัวเลข ‘อายุร่างกาย’ ที่อาจไม่เท่ากับ ‘อายุจริง’ ลองสังเกตได้ง่าย ๆ เวลาที่เราไปเจอกลุ่มเพื่อนอายุเท่า ๆ กัน แล้วอาจรู้สึกว่าทำไมบางคนดูมีสุขภาพแข็งแรง สดใสกว่าคนอื่น ๆ แต่บางคนกลับดูไม่สดใส แก่กว่าวัย หรือมีสัญญาณทางร่างกายที่บ่งบอกว่าสุขภาพเริ่มทรุดโทรม วันนี้เราเลยขอชวนทุกคนมาเช็กอายุร่างกายเพื่อการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น แข็งแรงกว่าอายุจริง!
ทำความรู้จักอายุร่างกาย (Body Age)
อายุร่างกาย (Body Age) คือ ตัวเลขที่บอกอายุสุขภาพหรือสภาวะการทำงานของร่างกาย ว่ามีความแก่หรือความเสื่อมของเซลล์ในระบบการทำงานของร่างกายมากน้อยแค่ไหน? ซึ่งถ้าตรวจวัดอายุร่างกายแล้ว พบว่า
- อายุร่างกายน้อยกว่าหรือเท่ากับอายุจริง แสดงว่าร่างกายของคุณสามารถเผาผลาญพลังงานและการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ผลลัพธ์ออกมาบ่งบอกว่าคุณมีสมรรถภาพร่างกายแข็งแรงตามอายุหรืออ่อนกว่าวัย
- อายุร่างกายมากกว่าอายุจริง แสดงว่าร่างกายของคุณเกิดความเสื่อมสภาพก่อนวัย ระบบเผาผลาญของร่างกายและการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพหรือแก่เกินวัย ซึ่งอาจเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพ เช่น การกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม มากเกินไป มีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรืออ้วนลงพุง ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีพฤติกรรมเร่งแก่ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า มีภาวะเครียด นอนดึก ฯลฯ ซึ่งควรรีบหันมาดูแลสุขภาพตัวเองอย่างจริงจัง แต่ถ้ายังปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรมเป็นเวลานาน จะนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรคในอนาคตได้ เช่น โรคกลุ่ม NCDS โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ มะเร็ง เป็นต้น
ดังนั้น เมื่อคุณรู้อายุร่างกายของตัวเองแล้ว จะช่วยให้สามารถประเมินสภาวะการทำงานของร่างกายเบื้องต้นได้ รู้ว่าร่างกายส่งสัญญาณออกมาว่าต้องการการดูแลอย่างไร? และสะท้อนว่าคุณดูแลสุขภาพร่างกายได้ดีแค่ไหน? รวมถึงยังสามารถใช้เป็นแนวทางเพื่อดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นได้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีอายุร่างกายเท่าไร?
สำหรับการตรวจวัดอายุร่างกายใช้ปัจจัยหลัก ๆ 2 ปัจจัยในการประเมินผล ได้แก่ องค์ประกอบของร่างกาย เช่น อัตราการเผาผลาญของร่างกาย น้ำหนักตัว ไขมันในร่างกาย และมวลกล้ามเนื้อ ฯลฯ และปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ พฤติกรรมสุขภาพ เช่น การกินอาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ฯลฯ ซึ่งสามารถตรวจวัดอายุร่างกายด้วยวิธีและเทคโนโลยีทางการแพทย์ นอกจากนั้นยังสามารถมีวิธีตรวจวัดอายุร่างกายเบื้องต้นง่าย ๆ ได้ 2 แบบ คือ
1. การตรวจวัดโดยเครื่องมือ โดยเครื่องวัดองค์ประกอบร่างกาย หรือ Body Composition Analyzer ที่สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบของร่างกายได้ทั้งในส่วนของมวลกระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน และปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมไปถึงสามารถประเมินอายุร่างกาย ผ่านการวัดค่าการเผาผลาญพลังงานขณะอยู่นิ่ง ๆ โดยจะคำนวณจากเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายและมวลกล้ามเนื้อ
2. การตรวจวัดจากแบบสอบถามด้านสุขภาพ เพื่อรวบรวมข้อมูลสุขภาพเบื้องต้น เช่น พฤติกรรมด้านอาหารการกิน การออกกำลังกาย และอารมณ์ รวมถึงน้ำหนักตัวที่ใช้คำนวณค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประเมิน แล้วคำนวณเป็นอายุร่างกาย ซึ่งการวัดรูปแบบนี้ถือเป็นวิธีที่สะดวกและสามารถช่วยประเมินอายุร่างกายเบื้องต้นได้ง่าย ๆ
ถ้าใครอยากรู้แล้วว่าตัวเองมีอายุร่างกายเท่าไร? หรือร่างกายคุณแก่ก่อนวัยหรือเปล่านะ? เนสท์เล่ขอชวนมาเช็กอายุร่างกายแบบออนไลน์ง่าย ๆ ผ่าน แบบทดสอบออนไลน์ เช็กอายุร่างกาย ย้อนวัยสุขภาพกับเนสท์เล่ คลิก พร้อมรับเทคนิคการดูแลสุขภาพและคำปรึกษาด้านโภชนาการ รวมทั้งการแนะนำเซตผลิตภัณฑ์อาหารจากเนสท์เล่ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล ซึ่งถือเป็นตัวช่วยเสริมสุขภาพแข็งแรง เหมาะสมกับไลฟ์ไตล์แต่ละแบบ ให้คุณสามารถย้อนวัยอายุร่างกายให้แข็งแรง สุขใจง่าย ๆ
ย้อนวัยอายุร่างกาย ให้แข็งแรงสุขใจง่าย ๆ ด้วย 3อ.
ถึงแม้ผลลัพธ์ตัวเลขอายุร่างกายของคุณจะมากน้อยแค่ไหน? ก็สามารถดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อย้อนวัยให้อายุร่างกายลดลงได้ แบบฉบับ 3อ. ได้แก่ อ.อาหารที่มีประโยชน์ อ.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ อ.อารมณ์แจ่มใส เนสท์เล่จึงขอชวนทุกคนมาเริ่มต้นใส่ใจสุขภาพ ด้วยการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ร่างกายทำงานอย่างเต็มที่ มีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน
ตัวอย่างเคล็ดลับดูแลสุขภาพ ลดอายุร่างกายตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
สำหรับคนชอบกิน
- อาหาร – เริ่มต้นหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินเพราะน้ำหนักตัวเป็นปัจจัยที่ทำให้อายุร่างกายเพิ่ม ควรเลือกซื้ออาหารโดยให้มองหา “สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ” มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน โซเดียม อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม (กินไขมันไม่เกินวันละ 6 ช้อนชาต่อวัน กินน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัมต่อวัน และกินโซเดียมไม่เกิน 1 ช้อนชา หรือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน) และแนะนำให้ เคี้ยวช้าลง ประมาณ 30 ครั้งต่อ 1 คำ เพราะการเคี้ยวอาหารช้าจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและดีต่อระบบย่อยอาหารด้วย
- ออกกำลังกาย – กินเท่าไหร่ต้องเอาออกเท่านั้น! ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว โยคะ วิ่งจ๊อกกิง ว่ายน้ำ กระโดดเชือก ฯลฯ ช่วยเผาผลาญพลังงานทั่วร่างกาย เลือดสูบฉีดเพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อรวมไปถึงหัวใจจึงได้ออกกำลังไปด้วย ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิง เช่น การยกเวท ซิตอัป วิดพื้น แพลงก์ ฯลฯ จะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อและสลายไขมันส่วนเกินได้ดี
- อารมณ์ – เลือกอาหารว่างคลายเครียดที่ดีต่อสุขภาพ เช่น กล้วยหอมและนมอุ่น ช็อกโกแลต ถั่วหรือธัญพืชที่มีไขมันดี ดื่มกาแฟหรือชาหอม ๆ เป็นต้น แทนการกินขนมกรุบกรอบหรือเบเกอรีที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ซึ่งจะช่วยทำให้สมองสดชื่นและอารมณ์ดีขึ้นด้วย
สำหรับคนรักงาน / เรียนหนัก
- อาหาร – ควรกินอาหารให้ครบ 3 มื้อ ไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง โดยปรับสัดส่วนจานอาหารเป็นแบบ 2:1:1 (ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน และ เนื้อสัตว์ 1 ส่วน) เพิ่มใยอาหารด้วยธัญพืชไม่ขัดสีหรือโฮลเกรนและผักผลไม้รวมกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม ที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง และควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 ลิตร เพื่อคืนความสดชื่น ให้สมองตื่นตัว ช่วยรักษาสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มน้ำในไขข้อและกระดูกจึงช่วยลดอาการปวดหลังจากการนั่งนาน ๆ
- ออกกำลังกาย – พักคลายกล้ามเนื้อ ยืดเหยียด คอ หลัง ไหล่ มือ หรือลุกขึ้นขยับตัวทุก ๆ 1 ชั่วโมง ที่โต๊ะทำงานหรือโต๊ะเรียน และเพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันให้มากขึ้น เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ โดยตั้งเป้าเพิ่มการเดินให้มากขึ้นกว่าปกติ ประมาณ 2,000 ก้าวต่อวัน เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรีที่ได้รับ ช่วยควบคุมน้ำหนักให้คงที่ โดยควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 23.0 – 24.9 kg/m² และไม่ควรเกิน 25 ขึ้นไป หรือไม่ควรมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตรในผู้ชาย และ 80 เซนติเมตรในผู้หญิง
- อารมณ์ – ทำอารมณ์ให้สดใส ยิ้มแย้มพร้อมตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน และควรจัดสรรเวลาเบรกงาน เพื่อพักสมอง โดยอาจฟังเพลงเบา ๆ หรือทำสิ่งที่ชอบ จะช่วยอารมณ์แจ่มใส ไม่มีภาวะเครียดสะสม ช่วยให้อายุร่างกายไม่แซงหน้าอายุจริง
สำหรับสายแม่บ้าน / คนที่ดูแลทุกคนในครอบครัว
- อาหาร – เปลี่ยนมากินอาหารให้ครบมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าที่มักทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลทุกคนในครอบครัวจนอาจละเลยการกินข้าวอย่างตรงเวลาไป และควรเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด ฯลฯ รวมไปถึงอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เค็มจัด หวานจัด
- ออกกำลังกาย – ทำงานบ้านสุขภาพที่ดีด้วย เช่น กวาดบ้านเต้นขยับกระฉับกระเฉง เช็ดถูบันไดพร้อมสควอซ เดินไวไปจ่ายตลาด ฯลฯ นอกจากความแข็งแรงที่ได้แล้ว การออกกำลังกายยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย พร้อมช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินจึงช่วยลดอายุร่างกายลงได้
- อารมณ์ – คุณแม่บ้านอาจมีความเครียดแบบไม่รู้ตัวที่ต้องดูแลและรับมือทุกคนในบ้าน การตื่นมารับแสงแดดหรือรดน้ำต้นไม้ในช่วงเช้าช่วยเรียกความกระปรี้กระเปร่าและช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามิน ดี ไปในตัว รวมถึงควรนอนหลับอย่างเพียงพอให้ได้วันละ 6 – 8 ชั่วโมง เพราะจะช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าลืมนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดอายุร่างกายด้วยอาหารและโภชนาการที่ดี บนพื้นฐานของ 3อ. คือ ควบคุมการกินอาหาร ใส่ใจการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ไปลงมือทำตามกันได้ไม่ยาก และทุกคนสามารถดูเคล็ดลับดูแลร่างกายในแบบที่ตัวเองชอบ ที่จะทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย ๆ ด้วย 3อ. วันละนิด พิชิตสุขภาพดี ให้ค่อย ๆ ดูแลตัวเองสะสมไปทีละเล็กละน้อยอย่างกลมกลืนกับการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน เพื่อผลลัพธ์สุขภาพแข็งแรงพร้อมสุขใจใด้ทุกวัน
รวมถึงสามารถเลือกช้อปปิงผลิตภัณฑ์อาหารผ่าน ร้านค้าออนไลน์ที่สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ ทั้ง 7 ช่องทาง ที่มาพร้อมโปรโมชันและส่วนลดสุดพิเศษเพื่อให้คุณแข็งแรงสุขใจไปกับเนสท์เล่ ด่วน! ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2565 เท่านั้น