Sorry, you need to enable JavaScript to visit this website.
Sort by
Sort by

เนสกาแฟ กับ 8 เรื่องน่ารู้ในการดื่มกาแฟของคนไทย

 

“เนสกาแฟ” กับ 8 เรื่องน่ารู้ในการดื่มกาแฟของคนไทย

‘กาแฟ’ หนึ่งในเครื่องดื่มสามัญยอดฮิตที่กลายมาเป็นวัฒนธรรมสากล ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าหรือสร้างประโยชน์แก่ร่างกายให้พร้อมในแต่ละวัน ไม่เพียงเท่านั้น การดื่มกาแฟยังเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของการดื่มเครื่องดื่มที่กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตทั้งวัยรุ่น ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสวันกาแฟสากล วันที่ 1 ตุลาคม ของทุก ๆ ปี เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักการดื่มกาแฟของคนไทยให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะคอกาแฟหรือใครก็ตามก็ควรรู้!

“เนสกาแฟ” กับ 8 เรื่องน่ารู้ในการดื่มกาแฟของคนไทย

 

1) 1 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันกาแฟสากล

ในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุก ๆ ปี นับว่าเป็นวันพิเศษสำหรับคอกาแฟทุกคนทั่วโลก เนื่องด้วยองค์การกาแฟนานาชาติ  (International Coffee Organization : ICO) ได้เริ่มกำหนดให้เป็น ‘วันกาแฟสากล (International Coffee Day)’ ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพราะไม่ใช่แค่กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่นิยมอย่างแพร่หลาย แต่ยังเป็นการสนับสนุนเกษตกรผู้ผลิตกาแฟและการค้าอีกด้วย

2) คนไทยนิยมดื่มกาแฟมากที่สุดรองจากน้ำเปล่า

การดื่มกาแฟกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของใครหลายคน ตั้งแต่การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการชงกาแฟแก้วโปรดสักแก้ว สร้างโมเมนต์ดี ๆ ในการเริ่มต้นวัน และเชื่อมทุกความผูกพันกับเพื่อนๆ และคนใกล้ตัว ทุกช่วงเวลาตลอดวันอีกด้วย จึงไม่แปลกที่กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมากที่สุดรองจากน้ำเปล่า จากการสำรวจผู้บริโภครอบล่าสุดโดยพบว่า 2 ใน 3 ของประชากรไทย

3) ประเทศไทยนิยมดื่มกาแฟเป็นอันดับที่ 24 ของโลก

ในปี 2023 จากการสำรวจของ CUP 2.0 ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นกลุ่มที่มีผู้ชื่นชอบดื่มกาแฟจำนวนมาก ซึ่งมีตัวเลขที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัวในทุก ๆ ปี จาก 180 แก้วต่อคนต่อปี กลายเป็น 586 แก้วต่อคนต่อปี นั่นหมายความว่าในหนึ่งวันมีผู้ดื่มเครื่องดื่มนี้เป้นจำนวน 1 แก้วต่อคนต่อวันนั่นเอง ด้วยผลสำรวจดังกล่าวองค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization : ICO) จึงจัดดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่นิยมดื่มกาแฟเป็นอันดับที่ 24 และจากผลการสำรวจของ Nielsen 2023 ยังพบว่า ใน 1 นาที คนไทยดื่มเนสกาแฟเฉลี่ยถึง 9,500 แก้วด้วยนั่นเอง

 

“เนสกาแฟ” กับ 8 เรื่องน่ารู้ในการดื่มกาแฟของคนไทย

 

4) เมนูกาแฟใส่นมจะเป็นเมนูกาแฟที่คนไทยนิยมดื่มมากที่สุด

ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ที่คนไทยชอบดื่มกาแฟก็คือ ‘กาแฟใส่นม’ ไม่เพียงเท่านั้นเทรนด์การดื่มกาแฟดำก็มีการเติบโตตามมาถึง 26% และอย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า นอกจากกาแฟจะมีประโยชน์แก่ร่างกายแล้วยังกลายมาเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์แก่คนรุ่นใหม่ เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงเทรนด์การดื่มกาแฟในปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เชื่อหรือไม่ว่าปัจจุบัน กลุ่มวัยรุ่น (Gen Z) ตั้งแต่อายุ 12-26  ปี ต่างนิยมหันมาดื่มกาแฟกันอย่างแพร่หลาย และมีแนวโน้มเพิ่มมากยิ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาดื่มกาแฟและชอบท่องเที่ยวร้านคาเฟ่เพื่อถ่ายภาพอัปเดตชีวิตลงโซเชียลอีกด้วย

5) เนสกาแฟแบรนด์กาแฟที่คนไทยนิยมเป็นอันดับ 1

แรกเริ่มเดิมทีกาแฟมีประวัติยาวนานมาหลายร้อยปี ด้วยกลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเข้ามาทางยุโรปจากการค้าขายที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลิในปี 1570 พร้อมกับวิธีการชงที่เรียกว่า Cezve หลังจากนั้นก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแพร่หลายมายังประเทศไทย โดยปกติแล้วเมื่อได้เมล็ดมาก็จำนำมาคั่วจากนั้นจึงบดละเอียดผ่านเครื่องบดเมล็ดกาแฟ จากนั้นจึงดื่มกาแฟหรือมีการเพิ่มรสชาติตามความชอบ

แต่ในบางครั้งการคั่วและบดเมล็ดกาแฟอาจไม่ได้สะดวกกับไลฟ์สไตล์การดื่มกาแฟของทุกคนในปัจจุบัน เนื่องด้วยการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ‘กาแฟสำเร็จรูป’ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะให้ความสะดวกสบายในการดื่มกาแฟแล้ว ยังให้รสชาติและความหอมกรุ่นที่ดีด้วยเช่นเดียวกันกับกาแฟคั่วบดละเอียดต่าง ๆ ซึ่งมีสูตรที่หลากลหายให้เลือกดื่มกาแฟอย่าง ‘เนสกาแฟ’ ที่เป็นแบรนด์กาแฟสำเร็จรูปชั้นนำระดับโลก

6) เจ้าของเนสกาแฟคือเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์

หลาย ๆ คน อาจมีคำถามหรือข้อสงสัยว่า ‘แล้วเนสกาแฟเป็นของใคร?’ แท้ที่จริงแล้ว เนสกาแฟอยู่ภายใต้บริษัท เนสท์เล่ เอส. เอ. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นผู้คิดค้นแบรนด์และเป็นเจ้าของเนสกาแฟ อีกทั้งยังจัดจำหน่ายโดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดย เนสท์เล่ เอส. เอ. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยนั่นเอง

7) เนสกาแฟถูกคิดค้นและส่งต่อรสชาติมานาน 80 กว่าปี!

ถูกคิดค้นและเปิดตัวในปี ค.ศ. 1938 โดยบริษัท เนสท์เล่ เอส. เอ. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเจ้าของ ซึ่งมี Max Morgenthaler ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและทีมงานได้รังสรรค์กาแฟสำเร็จรูปที่คงรสชาติกาแฟตามธรรมชาติ ด้วยการเติมน้ำลงไปได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เพื่อแก้ไขปัญหาการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟที่ตกค้างในประเทศบราซิลที่ประสบปัญหาจากการล่มสลายของตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทในปี 1929 ซึ่งใช้เวลาคิดค้นรวม 9 ปี

8) ชื่อของแบรนด์เนสกาแฟมีที่มาที่ไปอย่างไร?

ส่วนชื่อของแบรนด์เนสกาแฟนี้ ถูกคิดมาจากการผสานตัวอักษรสามตัวแรกในชื่อบริษัท คือ Nestlé และต่อท้ายด้วยคำว่า ‘café’ กลายเป็นชื่อ NESCAFÉ ของเนสท์เล่ ที่ครองใจคอกาแฟทั่วโลกมาอย่างยาวนาน 80 กว่าปี

 

“เนสกาแฟ” กับ 8 เรื่องน่ารู้ในการดื่มกาแฟของคนไทย

 

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่า ‘กาแฟ’ ได้เปลี่ยนจากเครื่องดื่มสามัญกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจ และไม่จำกัดอยู่แค่กลุ่มเดียวเท่านั้น แต่กลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดฮิต สู่การเป็นวัฒนธรรมสากล ทว่าการดื่มกาแฟจำเป็นต้องเลือกดื่มให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ประสบการณ์การดื่มกาแฟที่หลากหลายและปริมาณที่พอเหมาะ รวมถึงให้ได้มาซึ่งสุขภาพที่ดีด้วยนั่นเอง