กินแล้วนอนโรคกรดไหลย้อนถามหา

ด้วยพฤติกรรมการกินและการใช้ชัวิตที่เปลี่ยนแปลงไปประกอบกับความเครียดที่รุมเร้าจากการทำงาน จึงเปิดโอกาสให้ โรคกรดไหลย้อนหรือเจ้า "เกิร์ด” (Gastro-Esophageal Reflux Disease / GERD) ได้แจ้ง "เกิด" จนกลายเป็นโรคสุดฮิตของคนทำงานไปแล้วค่ะ

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจถูกโรคกรดไหลย้อนเล่นงานเข้าแล้ว นั่นก็คือ

1. รู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ กลางหน้าอก ซึ่งมักเกิดหลังกินอาหารเสร็จใหม่ๆ

2. รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ

3. จุกเสียด แน่นท้อง บริเวณลินปี่

4. มีอาหารย้อนขึ้นมาในปากและคอ

5. อาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย  

เจ้าโรคกรดไหลย้อนนี้ เกิดจากหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างที่ปกติจะคลายตัวขณะที่มีการกลืนอาหาร เพื่อให้อาหารผ่านลงสู่กระเพาะอาหาร และหดตัวปิดทันทีเพื่อไม่ให้อาหารและกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปในหลอดอาหารเกิดทำงานบกพร่อง จึงปล่อยให้เกิดการไหลย้อนของน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหาร และพฤติกรรมเล็กๆ อย่างหนึ่งที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ก็คือ การกินแล้วนอนทันที

ดังประโยคคุ้นหูที่ว่าหนังท้องตึง หนังตาหย่อน แต่แทนที่จะหลับสบาย การนอนหลังกินอิ่มใหม่ๆ กลับทำให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีควรเดินเล่นให้อาหารย่อยหรือนั่งพักประมาณ 3-4 ชั่วโมงแล้วจึงนอน จะช่วยให้น้ำย่อยไม่ไหลย้อนขึ้นมาด้านบน นอกจากนั้นก่อนนอนควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด หรือพิซซ่า หรืออาหารที่ปรุงด้วยการผัด และการทอด เพราะอาหารเหล่านี้ย่อยยาก ใช้เวลานานในการย่อย ทำให้ความดันในช่องท้องมากขึ้น และเกิดกรดไหลย้อนได้ หากอยากกินผัดผักลองเปลี่ยนจากผัดผักที่ใช้น้ำมัน เป็นผักลวกราดด้วยซอสหอยนางรม ที่ทั้งกรอบอร่อยและไขมันต่ำดูค่ะ

กินดี ใช้ชีวิตดี ก็โบกมือลาเจ้า “เกิร์ด” ได้เลย