Sort by
Sort by

หนึ่งเสียงจากครูชายแดนใต้ กับการส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการเด็กไทย
ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมานานกว่าสิบปี นอกจากจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่แล้ว ยังส่งผลให้เด็กจำนวนหนึ่งประสบปัญหาทุพโภชนาการขาดสารอาหาร จากผลสำรวจสถานการณ์เด็กไทยระหว่างปี 2558-2559 โดยองค์กรยูนิเซฟและสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าเด็กในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ประสบปัญหาขาดสารอาหาร มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และมีภาวะเตี้ยในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

ครูสีตีฮามีด๊ะ มาหะมะ ครูคณิตศาสตร์และครูอนามัยแห่งโรงเรียนบ้านเจาะกือแย อ. สายบุรี จ. ปัตตานี เล่าถึงปัญหาโภชนาการของเด็กในโรงเรียนว่า “นักเรียนกว่า 400 คนของที่นี่ ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและขาดโอกาส ผู้ปกครองของเด็กต้องออกไปกรีดยางตั้งแต่ตีสาม หรือบางคนก็ไปทำงานที่มาเลเซีย เด็กๆ จึงไม่ได้รับการดูแลด้านอาหารและโภชนาการที่ดีเหมือนเด็กในเมือง เด็กหลายคนไม่ได้รับประทานอาหารเช้าและบางคนก็ไม่มีอาหารเย็นให้รับประทานหลังกลับจากโรงเรียน นอกจากนี้ บางคนยังสูญเสียพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทำให้ขาดแรงจูงใจที่จะมาเรียนหนังสือ รวมถึงการดูแลโภชนาการของตนเอง”

เพราะเชื่อว่าหากเด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ย่อมส่งผลดีต่อสติปัญญาตามมา โรงเรียนบ้านเจาะกือแย จึงเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพเด็กในโรงเรียน ด้วยการเข้าร่วมโครงการเด็กไทยสุขภาพดี ซึ่งริเริ่มโดยบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมกับกรมอนามัย คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยคุณครูได้นำชุดสื่อการสอนด้านโภชนาการและการออกกำลังกาย รวมถึงแนวคิดหลัก 4 ประการเพื่อเด็กไทยสุขภาพดี ได้แก่ อ่าน- อ่านฉลากโภชนาการ ปรับ- หันมากินอาหารที่หลากหลาย เพิ่มผักผลไม้ ขยับ- กินเท่าไหร่ ต้องใช้ให้หมด เปลี่ยน- เปลี่ยนมากินอาหารที่มีความหวาน มัน เค็ม แต่พอดี มาบูรณาการเข้ากับกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ภายใต้บริบทที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนและของชุมชน

ครูสีตีฮามีด๊ะกล่าวว่าเริ่มแรกได้ลองนำชุดสื่อการสอนของโครงการเด็กไทยสุขภาพดีที่ได้รับจากเนสท์เล่มาปรับใช้กับชั้นเรียนคณิตศาสตร์ของตนเองก่อน เช่น การบูรณาการการอ่านฉลากในวิชาคณิตศาสตร์ โดยให้นักเรียนนำขนมที่ชอบมาศึกษาฉลากดูว่าให้พลังงานเท่าไร มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน โซเดียมมากน้อยแค่ไหน แล้วช่วยกันนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแผนภูมิแท่งเพื่อเปรียบเทียบพลังงานและสารอาหารแต่ละประเภท ซึ่งนอกจากนักเรียนจะได้ซึมซับข้อมูลที่ได้จากการศึกษาด้วยตนเองแล้ว ครูยังสามารถสอดแทรกความรู้ เช่น โทษของการทานขนมกรุบกรอบมากเกินไป และวิธีการเลือกรับประทานอาหารให้ได้พลังงานและสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน ให้กับนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

"ก่อนหน้านี้เคยสงสัยว่าเราจะสอนโภชนาการให้กับเด็กในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ได้อย่างไร แต่เมื่อได้ลองศึกษาสื่อการสอนของโครงการเด็กไทยสุขภาพดีและนำมาประยุกต์ใช้ในชั้นเรียนอย่างจริงจัง จึงพบว่าวิชาคณิตศาสตร์และความรู้ด้านโภชนาการมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าที่คิด และยิ่งเมื่อนำเทคนิคการสอนแบบแอคทีฟเลิร์นนิ่ง (Active Learning) ที่ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติมากที่สุดมาปรับใช้ด้วย ผลที่ตามมาคือเด็กมีความสนใจ ซึมซับ และตระหนักถึงความสำคัญของโภชนาการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด" ครูสีตีฮามีด๊ะกล่าวพร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ตนเคยพานักเรียนไปทัศนศึกษาและเมื่อมีการจอดแวะพักที่ร้านสะดวกซื้อ ได้สังเกตเห็นว่านักเรียนช่วยกันศึกษาฉลากขนมกันก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และไม่เลือกซื้อน้ำหวานน้ำอัดลมกันเหมือนเมื่อก่อน

ความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นนี้ทำให้ครูสีตีฮามีด๊ะมีกำลังใจที่จะส่งต่อความรู้และขยายผลโครงการเด็กไทยสุขภาพดีไปสู่คุณครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ เช่น การเรียนรู้คำศัพท์ด้านโภชนาการในชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษ กิจกรรมเกมส์บันไดงูโภชนาการในชั้นเรียนสุขศึกษา ตลอดจนการต่อยอดไปสู่การจัดงานวันเด็กไทยสุขภาพดีเพื่อให้ครูและนักเรียนทุกคนได้ร่วมทำภารกิจพิชิตสุขภาพดี ผ่าน 4 ฐานกิจกรรมเพื่อเรียนรู้เรื่องการกินหลากหลายเพิ่มผักผลไม้ กินหวานมันเค็มแต่พอดี อ่านฉลากโภชนาการ และกินเท่าไหร่ต้องใช้ให้หมด รวมถึงการบรรจุกิจกรรมแกนนำนักเรียนไทยสุขภาพดี เป็นหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ของโรงเรียนบ้านเจาะกือแย

"นอกจากการขยายผลการเรียนรู้ด้านโภชนาการและการสร้างเสริมสุขภาพให้ครอบคลุมทั้งโรงเรียนแล้ว เรายังต้องการขยายผลไปสู่ชุมชน โดยมีนักเรียนแกนนำทำหน้าที่หลักในการสานต่อภารกิจนี้ เนื่องจากบริเวณชุมชนบ้านเจาะกือแยใช้ภาษาท้องถิ่นมลายูเป็นภาษาหลัก ผู้ปกครองบางคนจะไม่ถนัดภาษาไทย ในขณะที่หนังสือ สื่อการสอน หรือแม้แต่คู่มือโภชนาการสำหรับผู้ปกครองจะเป็นภาษาไทย เราจึงต้องให้เด็กเป็นตัวกลางเพื่อสื่อสารกับผู้ปกครองถึงความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง นักเรียนแกนนำกลุ่มนี้ มาจากการคัดเลือกของนักเรียนด้วยกันเอง นอกจากจะมีหน้าที่สำคัญในการนำเพื่อนๆ ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เป็นแกนนำในการออกกำลังกายทุกเช้า คิดค้นเกมส์และกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการในแต่ละสัปดาห์ให้กับเพื่อนๆ แล้ว เราคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถสื่อสารกับผู้ปกครองถึงความสำคัญของโภชนาการภายในครอบครัวด้วย ซึ่งล่าสุดเราพบว่ามีเด็กหลายคนได้นำเมนูสุขภาพที่เรียนรู้มาจากโรงเรียนไปแนะนำให้ผู้ปกครองปรุงให้ทานที่บ้าน นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของโครงการฯ ในการขยายผลสู่บ้าน" ครูสีตีฮามีด๊ะกล่าว

"นอกจากนี้ เราพยายามขับเคลื่อนสู่ชุมชนให้มากขึ้นด้วยการออกไปพบปะเยี่ยมเยียนผู้ปกครองและชุมชนเพื่อให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยเรียน รวมถึงชี้แจงให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าเด็กนักเรียนโดยเฉพาะชั้นอนุบาล ไม่จำเป็นต้องมีขนมกรุบกรอบและน้ำหวานติดตัวมาที่โรงเรียนด้วย เนื่องจากทางโรงเรียนมีการจัดเตรียมมื้อกลางวัน น้ำสมุนไพรหวานน้อย และอาหารว่างเพื่อสุขภาพให้นักเรียนทุกคนอยู่แล้ว เป็นต้น"

ซื้อผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ :