อยากให้แม่รู้จัก LPR หนึ่งในจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่พบในนมแม่ เสริมร่างกายให้แข็งแกร่ง สมองลูกก็พร้อมมีพัฒนาการที่ดี สร้างความเก่งได้ไม่มีสะดุด
LPR ความลับจากนมแม่ สร้างความสตรอง
ถอดรหัสจุลินทรีย์ความลับในนมแม่ พบจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ LPR ในนมแม่ LPR (แอลพีอาร์) หรือ แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส เป็นจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด และมีผลการศึกษาที่มีความน่าเชื่อถือสูงรองรับว่าช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้นยังสามารถพบ LPR ได้ในโยเกิร์ต นมเปรี้ยวและนมบางชนิดอีกด้วย
LPR กับการทำงานของสมอง : ความแกร่งสู่ความเก่ง
สมองและทางเดินอาหาร มีการสื่อสารกัน โดยในปัจจุบันมีงานวิจัยสนับสนุนว่า จุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่างทางเดินอาหาร และสมอง
ระบบทางเดินอาหารกับสมองทำงานเกี่ยวข้องกัน
จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารมีบทบาทสำคัญหลายประการ เช่น ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ ช่วยสร้างวิตามินเค ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันการติดเชื้อก่อโรคในลำไส้ หากเกิดการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ นอกจากจะทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารผิดปกติ แล้วยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคต่างๆ อีกด้วย
การปรับสมดุลของจุลินทรีย์ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติจึงมีความสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยการเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้ เช่น การใช้โพรไบโอติกเพื่อเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นต้น
DHA คู่ ARA สู่การเรียนรู้ที่ดีกว่า
คุณพ่อคุณแม่คงเคยได้ยินเรื่องราวของสารอาหาร DHA กันมามากมายจากหลายช่องทางว่า เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อลูก DHA คือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง รวมทั้งระบบประสาท เกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนรู้ และจอประสาทตา ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการมองเห็น นำไปสู่ทักษะในด้านต่างๆ เช่น ช่วยให้ลูกมีสมาธิเรียนรู้ และจดจำสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการสมองที่ดี
สารอาหาร DHA อย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะสารอาหารที่ช่วยเรื่องพัฒนาการด้านการเรียนรู้มีหลายชนิด รวมทั้ง ARA เพราะ ARA เป็นกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 6 มีความสำคัญทั้งในเรื่องของการพัฒนาสมองและระบบต่างๆ ในร่างกาย เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการด้านสมอง และระบบประสาทที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรให้เขาได้รับสารอาหาร DHA และ ARA เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
DHA และ ARA ซึ่งเป็นธรรมชาติจะมีการปรับปริมาณให้เหมาะสม ในแต่ละช่วงโดยค่าเฉลี่ยอัตราส่วน DHA:ARA ในนมแม่ชาวเอเชียและยุโรปจะอยู่ที่อัตราส่วน = 1:1 เมื่อลูกได้รับ DHA และ ARA อย่างเพียงพอ และสมดุล ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง สายตา สติปัญญา รวมทั้งภูมิคุ้มกัน โดยสังเกตได้จากทารกที่ได้รับนมแม่จะมีพัฒนาการทางสมองและเชาว์ปัญญา (IQ) ที่ดี รวมทั้งลดการเกิดการเจ็บป่วย มีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย
แม้ว่าการเสริมสารอาหารที่สำคัญจะมีความจำเป็นต่อลูกน้อย อย่างไรก็ตาม คุณแม่ก็ควรดูแลเรื่องโภชนาการให้มีความหลากหลาย ให้ลูกได้รับโภชนาการครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่สมดุล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยให้ลูกมีการเจริญเติบโตมีพัฒนาการที่สมวัย ไม่มีสะดุด แกร่งทั้งร่างกาย เก่งทั้งสมอง