Sort by
Sort by

เนสท์เล่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เดินหน้ามุ่งเน้นแผนงานด้านความยั่งยืน Net Zero 2050

เนสท์เล่กับสิ่งแวดล้อม สู่อนาคตที่ยั่งยืน
แม้ว่าเนสท์เล่จะมีฐานการผลิตกระจายครอบคลุม 191 ประเทศ มีพนักงานเนสท์เล่กว่า 3 แสนคนทั่วโลก แต่ทั้งหมดต่างยึดถือในเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการเปิดพลังแห่งอาหารเพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต (Unlocking the power of food to enhance quality of life for everyone, today and for generations to come) เราในฐานะบริษัทที่ร่วมลงนามในปฏิญาณ ‘Business Ambition for 1.5°C’ ของสหประชาชาติ ซึ่งนับเป็นบริษัทแห่งแรก ๆ ที่ออกมาเปิดเผยรายละเอียดและกรอบเวลา พร้อมดำเนินการตามแผนให้เร็วกว่าที่กำหนดเพื่อตอกย้ำ โดยมี 2 เป้าหมายที่เนสท์เล่มุ่งมันดำเนินการให้สำเร็จ ได้แก่

1.ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ภายในปี 2593 ด้วยแผนระยะกลางที่มุ่งมั่นใช้มาตรการหลายอย่างมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 และแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ ภายในปี 2593 พร้อมกับการพยายามเพิ่มจำนวนแบรนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติเพื่อสร้างความเติบโตให้บริษัทในอนาคต
2.ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 โดยการดำเนินการของเนสท์เล่มุ่งเน้นที่การสนับสนุนเกษตรกรและซัพพลายเออร์ให้สามารถทำการเกษตรแบบฟื้นฟู ตลอดจนปลูกต้นไม้หลายร้อยล้านต้นภายในอีก 10 ปีข้างหน้า และปรับองค์กรไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนได้ทั้ง 100% ภายในปี 2568

ใช้มาตรการที่ชัดเจนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
พอล บุลเก้ ประธานกรรมการของเนสท์เล่ กล่าวว่า “คณะกรรรมการบริษัทตระหนักดีว่าการใช้มาตรการที่ชัดเจนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญในเชิงกลยุทธ์ เพราะมีส่วนช่วยทั้งเร่งและยกระดับการทำงานของเราให้พัฒนาไปสู่ความสำเร็จระยะยาวได้ และมีบทบาทช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นหลัง”

แนวทางตามแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของเนสท์เล่เกิดจากการทบทวนภาพรวมของธุรกิจและการดำเนินงานของตัวเอง เพื่อให้เข้าใจประเด็นความท้าทายนี้ได้อย่างลึกซึ้ง และตัดสินใจดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ โดยในปี 2561 บริษัทมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 92 ล้านตัน ซึ่งเราจะใช้เป็นปีฐานในการประเมินความก้าวหน้าต่อไป
มาร์ค ชไนเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเนสท์เล่ กล่าวว่า "การจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เรารอไม่ได้ เพราะประเด็นนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจเรา และนับว่าเรามีเวลาและโอกาสที่ดีมาก ๆ ในการแก้ไขและจัดการปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะเราดำเนินธุรกิจอยู่ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก เราจึงมีความพร้อมทั้งด้านขนาด ศักยภาพ และการเข้าถึง ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ บริษัทจะร่วมมือกับเกษตรกร พันธมิตรในอุตสาหกรรม รัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และลูกค้าของเรา เพื่อร่วมกันช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”

แผนการดำเนินงานของเนสท์เล่ในการทำให้อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ครอบคลุม 3 ด้านหลัก รายละเอียด ดังนี้
1. ด้านทรัพยากรการผลิตและแผนการเกษตรแบบยั่งยืน
- การฟื้นฟูระบบการเกษตรหมุนเวียน บริษัทได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรมากกว่า 500,000 ราย และซัพพลายเออร์อีก 150,000 ราย โดยช่วยสนับสนุนให้พวกเขานำแนวทางด้านการเกษตรฟื้นฟูไปใช้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยพัฒนาคุณภาพดิน รวมทั้งรักษาและฟื้นฟูความหลากหลายในระบบนิเวศ เนสท์เล่ได้ตอบแทนกลับสู่เกษตรกรด้วยการซื้อสินค้าของพวกเขาในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด รวมถึงการซื้อสินค้าในปริมาณมากขึ้น และร่วมลงทุนในส่วนที่ต้องอาศัยเงินลงทุน โดยเราตั้งเป้าว่าจะต้องจัดหาวัตถุดิบต่าง ๆ จากการทำการเกษตรแบบฟื้นฟูเป็นปริมาณ 14 ล้านตันภายในปี 2573 ซึ่งจะไปกระตุ้นความต้องการในสินค้าดังกล่าวด้วย
การฟื้นฟูระบบการเกษตรหมุนเวียน
ปลูกป่าทดแทนให้เพิ่มขึ้น
ปลูกป่าทดแทนให้เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านต้นต่อปี ในช่วงอีก 10 ปีข้างหน้า ในบริเวณที่มีการจัดซื้อหรือจัดหาวัตถุดิบต่าง ๆ เพราะการมีต้นไม้มากขึ้น หมายถึงร่มเงาที่เพิ่มขึ้นสำหรับพืชผลต่าง ๆ ช่วยขจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศได้เพิ่มขึ้น ให้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและคุณภาพดินที่ดีขึ้นด้วย สำหรับการจัดหาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก ๆ ของบริษัท อย่างน้ำมันปาล์มและถั่วเหลือง จะไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2565 ความพยายามในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างเนสท์เล่กับชุมชนเกษตรกร ด้วยการช่วยให้ชีวิตพวกเขามีความแน่นอนขึ้นและมีรายได้มากขึ้น
2. ด้านกระบวนการดำเนินงาน

- ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้ง
100% เนสท์เล่คาดว่าจะสามารถปรับการดำเนินงาน 800 แห่งใน 187 ประเทศ ได้ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทได้เปลี่ยนรถขนส่งทั่วโลกให้เป็นแบบที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการเดินทางเพื่อธุรกิจภายในปี 2565
- ใช้มาตรการอนุรักษ์น้ำและฟื้นฟูแหล่งน้ำ รวมทั้งจัดการกับปัญหาขยะอาหารที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานอีกด้วย
พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน
OM069_Zero_650x314_06.jpg
3. ด้านความหลากหลายพอร์ตผลิตภัณฑ์

- ขยายฐานให้มีอาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพืช (plant-based) มากขึ้น และได้ปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนด้านอาหารของโลกในอนาคต
- ขยายแบรนด์รักษ์โลกปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยพยายามเพิ่มแบรนด์ในเครือที่ตอบโจทย์สินค้าสีเขียวสู่ท้องตลาดมากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย สำหรับแบรนด์อาหารจากพืช Garden Gourmet และอาหารเสริม Garden of Life จะปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2565 ส่วนแบรนด์ Sweet Earth และอีกหลายแบรนด์จะทำได้สำเร็จภายในปี 2568 นอกเหนือจากแบรนด์เหล่านี้แล้ว ยังมีแบรนด์ Nespresso, S.Pellegrino, Perrier และ Acqua Panna ที่มุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2565 ส่วนการดำเดินงานของแบรนด์น้ำดื่ม Nestlé Waters จะสามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันนี้ได้ภายในปี 2568
แม็กดิ บาตาโต รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติงาน กล่าวว่า “เกือบสองในสามของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเรามาจากการเกษตร จึงเห็นได้ชัดว่าการทำการเกษตรแบบฟื้นฟูและการปลูกป่าทดแทนจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ความพยายามต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งเราจะพยายามลดการปล่อยก๊าซที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และจะพัฒนาพอร์ตผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น สิ่งที่เราทำนั้นเป็นเรื่องยากแต่ก็มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ”

ทั้งนี้ เนสท์เล่เตรียมลงทุนกว่า 3,200 ล้านสวิสฟรังก์ (หรือ 109,192 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยวันที่ 4 ธันวาคม 2563) ในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อเร่งการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นการลงทุน 1,200 ล้านสวิสฟรังก์ (หรือ 40,947 ล้านบาท) เพื่อเร่งการทำการเกษตรแบบฟื้นฟู ปรับระบบซัพพลายเชนของบริษัท โดยแหล่งเงินทุนของการลงทุนครั้งนี้มาจาก การบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทางธุรกิจและการจัดการค่าใช้จ่ายทางโครงสร้างให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

เป้าหมายและแผนการดำเนินงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเนสท์เล่ ได้ผ่านการการอนุมัติรับรองจาก Science Based Targets initiative (SBTi) สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) โดย SBTi เป็น ความร่วมมือขององค์กรไม่แสวงผลกำไรซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดระหว่างประเทศในการประเมินความมุ่งมั่นของภาคธุรกิจต่อเป้าหมาย ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ ซึ่งเนสท์เล่จะจัดทำรายงานความคืบหน้าในแต่ละปีเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานอย่าต่อเนื่อง