Sort by
Sort by

5 ผลลัพธ์สุดอัศจรรย์จาก “โยคะ” ยกระดับศักยภาพลูกรัก

5 ผลลัพธ์สุดอัศจรรย์จาก “โยคะ” ยกระดับศักยภาพลูกรัก

 

การฝึกโยคะให้ลูก จะช่วยเสริมพัฒนาการทั้งทางร่างกาย สมอง และจิตใจ

 

พ่อแม่บ้านไหนกำลังมองหากิจกรรมยามว่างให้ลูกยืดเส้นยืดสาย กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดดี ลองชวนไปเรียน “โยคะ” สิคะ กระแสของการเล่นโยคะไม่เพียงฮิตกันในกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้นนะ แต่ “โยคะเด็ก” ก็กำลังมาแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหนูน้อยวัยเรียน หลายคนหลังจากฝึกโยคะแล้วพบว่ามีสมาธิดีขึ้น สภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรง พร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มศักยภาพเลยล่ะค่ะ

โยคะเป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวท่าทางไปพร้อมกับการกำหนดลมหายใจ เพื่อเสริมสร้างสมดุลทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผลพลอยได้จากการเล่นโยคะ ไม่เพียงช่วยผ่อนคลายความเครียด หรือทำให้จิตใจสงบเย็นลงได้เท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยพัฒนาบุคลิกภาพ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และทำให้ระบบภายในร่างกายมีความสมดุลยิ่งขึ้นด้วย โดยการฝึกโยคะสำหรับเด็กนั้น ผู้ฝึกสอนมักจะเลือกท่าทางง่าย ๆ เช่น ท่าผีเสื้อ ท่าภูเขา ท่ากระต่าย ท่าคีม ท่างู ท่าสุนัข ท่าต้นตาลเอน ท่าต้นไม้ ซึ่งใช้เวลาการฝึก 40-60 นาทีก็เพียงพอแล้วค่ะ

 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากเล่นโยคะ

  1. การหายใจ เด็กบางคนทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย หายใจไม่ทัน แต่หลังจากเรียนรู้วิธีการหายใจอย่างถูกต้องเป็นธรรมชาติแล้วก็จะทำให้ออกซิเจนถูกส่งไปเลี้ยงร่างกายได้ทุกส่วน แล้วอาการเหนื่อยง่ายก็จะค่อย ๆ หายไปค่ะ
  2. ความผ่อนคลาย หลักการเคลื่อนไหวร่างกายและเทคนิคการหายใจที่ผสมผสานกันในแบบโยคะ ทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิอยู่กับตัวเองมากขึ้น และรู้สึกคลายความเครียดลงได้
  3. จินตนาการ การเล่นโยคะช่วยบริหารสมองทั้งสองซีกให้สมดุลกัน ทั้งยังช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกใช้สมองในการจินตนาการไปกับท่าทางต่าง ๆ ค่ะ
  4. ความมั่นใจ เด็ก ๆ จะเชื่อมั่นในพลังความสามารถของตัวเอง มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำท่าทางให้สำเร็จได้ตามที่ครูสอน โดยไม่ยอมท้อถอยต่อความยากลำบาก
  5. ร่างกายแข็งแรง ท่วงท่าต่าง ๆ จากการฝึกโยคะ ส่งผลให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เหมือนได้ออกกำลังกาย จึงทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยฝึกการทรงตัวอีกด้วยค่ะ

 

การฝึกโยคะทำให้ลูกอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน กระปรี้กระเปร่า และมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียนรู้และเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ แต่ก่อนจะส่งลูกไปเรียนโยคะควรถามความสมัครใจของลูกด้วยนะคะ อย่าทำตามเพียงเพราะเป็นกระแสนิยมเท่านั้น หากลูกชื่นชอบอยากเรียนก็ควรเลือกโรงเรียนที่ได้มาตรฐาน เลือกครูฝึกที่มีประสบการณ์ด้านโยคะสำหรับเด็กโดยตรง เพราะว่าร่างกายของเด็กบอบบางกว่าผู้ใหญ่ค่ะ อีกทั้งขณะเรียนก็ควรเข้าไปสังเกตบรรยากาศในห้องเรียน สังเกตว่าครูผู้สอนและลูกปฏิบัติตามกฎการฝึกอย่างเคร่งครัดหรือไม่ หักโหมเกินไปหรือเปล่า และต้องมั่นใจว่าหากเกิดอันตรายระหว่างฝึกจะต้องมีคนให้ความช่วยเหลือได้ทันค่ะ นอกจากนี้ อย่ามองข้ามโภชนาการที่ถูกหลัก ดูแลมื้ออาหารให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ พร้อมเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อให้ลูกรักมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจด้วยค่ะ