บ่อยครั้งที่สาว ๆ เลือกเยียวยาอารมณ์ด้วยการกิน ๆ ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ
ในทางจิตวิทยากล่าวว่า มนุษย์จะมีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ทานอาหารที่ชอบ ได้ร่วมโต๊ะกับคนพิเศษ หรือแม้แต่การนั่งทานอาหารในร้านบรรยากาศดี ๆ เพราะเรามักคิดว่า การกินคือการให้รางวัล ซึ่งตรงกับหลักโภชนาการที่ว่า สารอาหารบางอย่างมีผลโดยตรงต่ออารมณ์และความรู้สึก
เคยสังเกตตัวเองไหมว่าทำไมถึงชอบกินของหวาน อย่าง ลูกอม ขนมหวาน เค้ก ในเวลาเครียด ๆ หรือบางครั้งที่ยังไม่ได้ทานข้าว จะมีความรู้สึกหงุดหงิด โกรธง่าย กลายเป็นคนโมโหหิวทันที วิทยาศาสตร์ได้อธิบายอาการเหล่านี้ว่า สมองของมนุษย์ใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลัก เมื่อเราทานข้าว ขนมปัง เผือก มัน ก็เป็นการรับคาร์โบไฮเดรตเข้าสู่ร่างกายเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและถูกส่งไปเลี้ยงสมอง จึงทำให้เรารู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี และหายเครียดได้ทันทีที่อิ่มท้อง ดังนั้นการรักษาระดับน้ำตาลในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
วันนี้เรามีแนวทางการทานอาหารเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด จากนักโภชนาการ คุณวรัญญา เตชะสุขถาวร มาฝากกันค่ะ
- กินให้เป็นเวลา กระจายมื้ออาหารให้ครอบคลุมตลอดทั้งวัน โดยอาจแทรกมื้อย่อย ๆ ลงไประหว่างมื้อหลัก เพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้ไม่สูงหรือต่ำจนเกิดอันตราย
- ทานอาหารที่อยู่ท้อง เลือกทานคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน เปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลและซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้า ๆ ได้แก่อาหารจำพวก ธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ซีเรียลโฮลเกรน ขนมปังโฮลวีท เครื่องดื่มธัญญาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืช หรือผลไม้หวานน้อย อย่าง ฝรั่ง แอปเปิล มะละกอ เป็นต้น
หากมีอาการวิตกกังวล เครียดจนนอนไม่หลับ แนะนำให้เลือกทานอาหารที่มีกรดอะมิโน ทริปโตเฟน เช่น นม ข้าวโอ๊ต ช็อกโกแลตแท่ง หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต เพราะทริปโตเฟนมีส่วนช่วยสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน ทำให้สมองผ่อนคลาย และนอนหลับง่ายมากขึ้นกว่าการดื่มเครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายที่มีคาเฟอีน อย่าง กาแฟ ชา หรือโคล่า
แม้ว่าอาหารจะช่วยในการผ่อนคลายอารมณ์ได้ แต่การทานอย่างเดียวก็ไม่สามารถเยียวยาจิตใจได้ ดังนั้นจึงควรบริหารจัดการความคิด ความเครียด และคิดหาวิธีแก้ปัญหาโดยตรง ควบคู่ไปกับการทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ ก็จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากเรื่องเครียด ๆ และมีความสุขได้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ