การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย แต่ควรเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมด้วย
ใครอยากได้สูตรโกงอายุยกมือขึ้น? ขอบอกเลยนะคะว่า สูตรนี้ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องกินยาบำรุง ไม่ต้องอดอาหาร เพียงแค่ออกกำลังกายเป็นประจำเท่านั้นเองค่ะ การออกกำลังกายไม่มีข้อห้ามแม้แต่เด็กเล็กหรือคนสูงอายุ เพียงแต่ต้องเลือกวิธีการหรือประเภทให้เหมาะสมกับวัยด้วย เรามาดูกันค่ะว่า แต่ละวัยควรออกกำลังกายอย่างไร
เจ้าตัวน้อยวัยซน อายุต่ำกว่า 10 ปี
การออกกำลังกายสำหรับเด็กวัยนี้ เน้นความสนุกสนานเพลิดเพลินเป็นหลัก และเพื่อฝึกการทำงานประสานกันของมือ สายตา เท้า พ่อแม่อาจชวนไปเล่นกีฬาเบา ๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก เช่น วิ่งรอบสวนสาธารณะ กายบริหารประกอบดนตรี การปีนป่ายฐานต่าง ๆ หรือพาไปว่ายน้ำคลายร้อนก็น่าสนใจนะคะ
วัยรุ่นจอมพลัง อายุ 11-17 ปี
เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง และกล้าแสดงความสามารถเฉพาะตัวออกมา พ่อแม่จึงควรสนับสนุนกิจกรรมที่ต้องใช้ความคล่องแคล่วว่องไว พร้อมปลูกฝังให้มีน้ำใจนักกีฬา ส่งเสริมให้เล่นกีฬาหลากหลายแบบสลับกันไป เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวทุกส่วน เช่น ฟุตบอล แชร์บอล วอลเลย์บอล ปิงปอง แบดมินตัน ยิมนาสติก ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เป็นต้น
หนุ่มสาววัยใส อายุ 18-30 ปี
วัยนี้จัดว่ามีสมรรถภาพทางร่างกายดีที่สุด กระดูกและกล้ามเนื้อพัฒนาอย่างเต็มที่ มีความแข็งแรงและอดทน ผู้ชายสามารถเล่นกีฬาได้แทบทุกชนิด เน้นใช้พละกำลัง ความแข็งแรง ความรวดเร็ว และความอดทน เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ฟุตบอล แบดมินตัน บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เทนนิส ส่วนผู้หญิงควรเน้นกีฬาไม่หนักเกินไป แต่เล่นแล้วต้องทำให้รูปร่างดีนะคะ เช่น ว่ายน้ำ ยิมนาสติก โยคะ วอลเลย์บอล เหล่านี้เป็นต้นค่ะ
พี่ใหญ่วัยทำงาน
การออกกำลังกายสำหรับวัยทำงาน ก็เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายความเครียดในจิตใจ และช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เป็นต้นค่ะ วัยนี้จึงควรเน้นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน สบายใจ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นแอโรบิก
รุ่นเก๋าลายคราม
ถึงจะแก่แต่ยังแข็งแรงเหมือนหนุ่มสาวได้ ถ้ารู้จักเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมค่ะ สำหรับวัยนี้ควรออกกำลังกายเบา ๆ ช้า ๆ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงควบคู่ไปกับการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หลังจากออกกำลังกายแล้ว สภาพจิตใจจะสดชื่น แจ่มใสขึ้น และช่วยให้นอนหลับได้ดีด้วย วันหยุดว่าง ๆ ลองชวนกันไปเดินรอบสวนหย่อม วิ่งเหยาะ หรือจับกลุ่มรำมวยจีนกันก็น่าสนุกนะคะ
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เมื่อออกกำลังกายก็คือ การดื่มน้ำเปล่า เพราะระหว่างการออกกำลังกายจะเกิดการสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นเนื่องจากการระเหยของเหงื่อ เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย บางคนเลือกดื่มน้ำเกลือแร่ทดแทนน้ำเปล่า ซึ่งไม่จำเป็นเลยค่ะ เพราะความจริงแล้วเราสูญเสียน้ำมากกว่าสูญเสียเกลือแร่ ดังนั้น แค่ดื่มน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้วนะคะ ดื่มไม่เกิน 1 แก้ว ก่อนออกกำลังกายประมาณ 10 นาที ขณะออกกำลังกายก็จิบเพียงเล็กน้อยทุก 10-15 นาที และหลังจากออกกำลังกายประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ควรดื่มน้ำอีกสัก 2 แก้วค่ะ