ความเครียด ไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวของคนเครียดเท่านั้น แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังคนรอบข้างอีกด้วย
ปัจจุบัน ภาวะทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม หรือวิถีชีวิตในเมืองใหญ่ กดดันให้ผู้คนตกอยู่ในความวิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว บางขั้นร้ายแรงถึงขนาดมีหลายอารมณ์ปะปนกันทั้งความกลัว เครียด ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก ปากแห้ง ฯลฯ ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงที่สมองส่งข้อความจำนวนมากผ่านเส้นประสาทไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กระตุ้นให้อวัยวะส่วนอื่น ๆ ทำงานมากขึ้น รวมถึงการที่ร่างกายปล่อยฮอร์โมนความเครียดเข้าสู่กระแสเลือดอีกด้วย
แม้ความวิตกกังวลจะมีประโยชน์ในด้านการช่วยกระตุ้นประสาทให้เกิดแรงผลักดันเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี แต่บอนครั้งความวิตกกังวลก็นำพาไปสู่ความเครียด ทั้งยังกระทบต่อสุขภาพ จิตใจ และอาจทำให้คนรอบข้างพลอยเครียดไปด้วย
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า อาการแบบไหนถึงเข้าข่ายว่ากำลังตกอยู่ในภาวะเครียดสะสม ไปดูกันค่ะ
6 อาการที่บ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในภาวะเครียด
- รู้สึกกระสับกระส่าย
- เหนื่อยง่าย
- เหม่อลอย
- หงุดหงิดบ่อย
- กล้ามเนื้อตึงตัว
- นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับยาก
เมื่อรู้ตัวว่าตนเองมีความเสี่ยง ต้องเรียนรู้วิธีรับมือและจัดการความเครียดควบคู่กันไป ดังนี้ค่ะ
- หาวิธีรับมือที่เหมาะสม รวมทั้งฝึกตนเองให้เป็นคนคิดบวก และการสร้างความสุขง่าย ๆ
- ฝึกทักษะผ่อนคลายความเครียดง่าย ๆ เช่น ฝึกควบคุมลมหายใจเข้า-ออก
- สงบจิตใจและควบคุมสติด้วยการทำสมาธิ
- ออกกำลังกายตามความถนัด เช่น ปั่นจักรยาน วิ่งจ๊อกกิ้ง โยคะ เต้นแอโรบิก ฯลฯ ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า จิตใจแจ่มใส ผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม “ครอบครัว” ถือเป็นกำลังใจสำคัญอย่างมากในการช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและความเครียดที่อาจเกิดขึ้นกับสมาชิกในบ้าน การสนับสนุนซึ่งกันและกันด้วยการให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ หรือชวนกันออกไปทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น ทานข้าวร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วตบท้ายด้วยไอศกรีมเย็น ๆ ถ้วยโต ก็จะทำให้สามารถปรับอารมณ์และคลายความเครียดลงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ