ช็อกโกแลต ลูกอม เยลลี่ สอนลูกกินอย่างไร...ไม่ให้ติดหวาน

ขนมหวานของโปรดของเด็ก ๆ ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้ลูกติดหวาน และเป็นโรคอ้วนได้นะคะ

 

เจ้าตัวแสบอารมณ์ดี๊...ดี เพราะได้กินขนมของโปรดตามใจชอบ แต่พอยิ้มแล้วเห็นฟันหลอ ฟันเหลือง ฟันผุ แม่คงต้องลดน้ำตาลสักหน่อยแล้วค่ะ เพราะไม่เพียงแค่ทำร้ายสุขภาพปากและฟัน แต่อาจทำให้เป็นโรคขาดสารอาหารได้นะ! ยิ่งเวลาลูกกินอาหารคาว อย่าง ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ราดหน้า เขาอาจจะใส่น้ำตาลเป็นช้อน กินหวานมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเด็กตุ้ยนุ้ย สุดท้ายโรคเบาหวานก็มาทักทายค่ะ ปรกติแล้ว เด็กไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 4 ช้อนชา (หรือ 16 กรัม) ถ้ายังนึกไม่ออกว่าหวานขนาดไหน...ลองเทียบปริมาณน้ำตาลในขนมที่เด็ก ๆ ชอบทานกันค่ะ

 

เห็นปริมาณน้ำตาลแล้วอยากจะเอาขนมไปซ่อนไม่ให้ลูกเห็นอีกเลยว่าไหมคะ แต่ไม่ต้องใจร้ายกับลูกขนาดนั้นก็ได้ เพราะความจริงแล้วลูกยังสามารถกินขนมของโปรดได้นะ เพียงแต่ปรับพฤติกรรมการกินด้วยวิธีที่ละมุนละม่อมสักหน่อย เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกว่ากำลังถูกบังคับนะคะ

 

เทคนิคกินยังไงไม่ให้ติดหวาน

1. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น กินข้าวเสร็จแล้วต่อด้วยผลไม้แทนขนมหวาน ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม ทำให้ลูกเห็นเป็นประจำ
2. ลดปริมาณน้ำตาลในอาหารที่ลูกกินทีละน้อย ๆ เพื่อให้ลูกปรับตัว เช่น ผสมนมรสจืดลงไปในนมเปรี้ยวหรือนมรสหวาน อย่าลดฮวบฮาบนะคะ เพราะจะยิ่งทำให้ลูกปฏิเสธอาหารได้
3. อย่าซื้อขนม ของหวาน เครื่องดื่มรสหวาน มาเก็บไว้เยอะ ให้เตรียมผลไม้ไม่หวานมาก เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล มะละกอ แคนตาลูป แตงโม ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น ใส่จานไว้ หิวก็หยิบกินได้ง่าย ไม่ต้องมองหาขนมอื่น ๆ
4. ให้กินขนมหวาน ลูกอม ลูกกวาด เค้ก ไอศกรีม เฉพาะโอกาสสำคัญ โดยเลือกยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อย รวมถึงอย่าปรุงอาหารให้หวานจัด
5. กำหนดเวลาสำหรับทานอาหาร ทั้งอาหารหลัก อาหารว่าง และจัดเตรียมอาหารให้ตรงเวลาอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ท้องร้องจนต้องหาขนมหวานระหว่างมื้อนะคะ ทำแบบนี้จะช่วยให้ลูกมีวินัยและตรงต่อเวลาด้วย

การดูแลสุขภาพเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากโต๊ะอาหารที่บ้านนี่เองค่ะ มาช่วยกันปรับพฤติกรรมการกินของเจ้าตัวน้อยรวมถึงตัวคุณเอง เพื่อให้สมาชิกทุกคน ห่างไกลจากโรคที่มาจากการติดรสหวานนะคะ