เมื่อเด็กติดหวาน นอกจากจะทำให้ฟันผุแล้ว ยังทำให้เด็กไม่อยากกินอาหารที่ไม่หวาน กินยากและกินอาหารน้อยลง จนอาจเป็นโรคขาดสารอาหาร หรือบางคนก็ชอบกินอาหารหวานมากเกินไปจนทำให้มีโอกาสเป็นโรคอ้วน มีคำแนะนำว่า เด็กๆ ไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 4 ช้อนชา (หรือ 16 กรัม) เราลองมาดูปริมาณน้ำตาลในขนมหรือน้ำหวานที่ลูกชอบทานกันดีกว่า
ประเภท |
ปริมาณ |
ปริมาณน้ำตาล (ช้อนชา) |
ลูกอม |
1 เม็ด |
1 |
วุ้นเจลาตินสำเร็จรูป |
1 ชิ้น (5 กรัม) |
1 |
นมเปรี้ยว |
120 มล. |
3-4 |
น้ำอัดลม |
1 กระป๋อง |
8-11 |
น้ำส้ม 25% |
200 มล. |
6.5 |
ชาเขียวรสต้นตำรับ |
250 มล. |
4 |
เยลลี่พร้อมดื่ม |
1 ถ้วย (170 มล.) |
12.75 |
จะเห็นว่าลูกมีโอกาสได้รับน้ำตาลเกินง่ายมาก ดังนั้นหากไม่อยากให้ลูกติดหวาน คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวต้องร่วมมือกันค่ะ
เทคนิคเปลี่ยนลูกไม่ให้ติดหวาน
- เป็นแบบอย่าง พ่อแม่และคนในครอบครัวทุกคน ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น โดยการไม่กินหวาน และทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เช่น เวลาทานข้าวเสร็จ แทนที่จะต่อด้วยขนมก็เปลี่ยนเป็นผลไม้แทน หรือดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม
- ค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาลในอาหารที่ลูกกินทีละน้อยๆ เพื่อให้ลูกค่อยๆ ปรับตัว อย่าลดฮวบฮาบเพราะจะยิ่งทำให้ลูกปฏิเสธได้ เช่น ลูกชอบกินนมเปรี้ยวหรือนมรสหวานจัด ก็ให้ผสมนมรสจืดลงไปทีละน้อย จนลูกเปลี่ยนมาดื่มนมรสจืดได้
- ลดของรสหวานในบ้าน ด้วยการไม่ซื้ออาหาร ขนม เครื่องดื่มที่มีรสหวานเก็บไว้ในบ้านหรือตู้เย็น เพราะจะทำให้ลูกเห็นและหยิบกินได้ง่าย กินได้ตลอดเวลา เปลี่ยนเป็นผลไม้ไม่หวานจัดแทน เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล มะละกอ แคนตาลูป แตงโม เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงขนมหวาน ไม่ให้ลูกกินลูกอม ลูกกวาด ขนมหวาน ขนมเค้ก บ่อยเกินไป เช่น ให้กินขนมเค้กเฉพาะในโอกาสสำคัญ หากเป็นไอศกรีมก็ควรเลือกที่มีน้ำตาลน้อย โดยการอ่านฉลาก และปรุงอาหารหวานน้อย เวลาปรุงอาหาร หรือเตรียมอาหาร ให้ลดการเติมน้ำตาลทั้งในอาหารหลัก ของว่าง และเครื่องดื่ม
- กำหนดเวลาทานอาหารหลักและของว่างและจัดอาหารให้ตรงเวลา เพื่อช่วยสร้างวินัยในการรับประทาน ลดโอกาสที่ลูกจะหิวแล้วต้องหาขนมหวานทานระหว่างมื้อ
สุขภาพของเด็กเริ่มต้นที่บ้าน...ถ้าคุณพ่อคุณแม่ช่วยกันปรับพฤติกรรมของเจ้าตัวน้อยทีละน้อย จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากโรคที่มาจากการติดรสหวานได้ค่ะ