จากการสำรวจภาวะโภชนาการและสุขภาพเด็กในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสำรวจเด็กไทยอายุ 6 เดือนถึง 12 ปี จำนวน 3,100 คน พบว่ามีเด็กขาดวิตามินดีถึง 40% โดยเด็กในเมืองจะขาดวิตามินดีมากกว่าเด็กในชนบท สาเหตุส่วนใหญ่คือกลัวผิวคล้ำ ประกอบกับกิจวัตรประจำวันของเด็กๆ อยู่แต่ในร่ม เช่น ดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ หรือเรียนพิเศษเช้าจรดเย็น แถมบางโรงเรียนสนามกีฬาก็อยู่ในร่ม ทำให้ไม่มีโอกาสหรือมีโอกาสน้อยมากในการรับแสงแดดซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย
วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายมีความต้องการวิตามินดีไม่มาก แต่ขาดไม่ได้ เพราะวิตามินดีช่วยรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก ร่างกายได้รับวิตามินดี 2 ทางด้วยกันคือ จากการรับประทานเข้าไปและจากการที่ผิวหนังได้รับแสงแดด ซึ่งรังสีอุลตราไวโอเลตชนิดบี (UVB) จากแสงแดดจะไปกระตุ้นโคเลสเตอรอลที่อยู่ใต้ผิวหนังให้เปลี่ยนเป็นวิตามินดี ถ้าในกรณีที่ไม่ถูกแดด จำเป็นต้องได้รับวิตามินดีจากอาหารให้มากขึ้น เช่น ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาซาร์ดีน ปลาทู ไข่แดง น้ำมันตับปลา ตับ นม และเนย
ปัจจัยที่ทำให้เด็กๆ ได้รังสี UVB น้อยลงคือเมฆ (ลดไป 50%) ร่มเงาใต้ชายคา หมอกควัน (ลดไป 60%) ฤดูกาล (ฤดูหนาวจะได้รับน้อยลง) ปริมาณเมลานินบนผิวหนัง (ยิ่งสีผิวเข้มยิ่งได้น้อย) และการใช้ครีมกันแดด นอกจากนี้รังสี UVB ยังไม่สามารถทะลุผ่านกระจกใสได้ การนั่งรับแสงผ่านหน้าต่างกระจกหรือหน้าต่างรถยนต์จึงไม่ได้วิตามินดี
เทคนิคเพิ่มวิตามินดี
- ดื่มนม ผลิตภัณฑ์นม หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนมผงที่มีวิตามินดี ซึ่งดูได้จากฉลากโภชนาการ
- จัดเมนูที่มีส่วนผสมของตับและปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล เป็นเมนูสำหรับครอบครัวสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- ชวนลูกออกแดด พาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่งเล่น รดน้ำต้นไม้ เล่นกีฬา หรือสำรวจธรรมชาติ แต่ควรเลือกช่วงเวลาที่แดดอ่อนๆ หรือก่อน 9.00 น. และหลัง 16.00 น. เพียงวันละ 10-15 นาที และควรสวมเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้นเมื่อออกไปรับแสงแดดอ่อน และไม่ทาครีมกันแดด เพียงเท่านี้ทั้งคุณและลูกก็จะได้รับวิตามินดีจากธรรมชาติไปฟรีๆ