Sort by
Sort by

ภูมิคุ้มกันดี...ลูกมีพัฒนาการต่อเนื่อง

ภูมิคุ้มกันดี...ลูกมีพัฒนาการต่อเนื่อง

ระบบภูมิคุ้มกัน คือ องครักษ์คอยพิทักษ์ร่างกายของเราจากการจู่โจมของเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็กๆ ที่ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ ซึ่งกว่าระบบภูมิคุ้มกันของลูกจะพัฒนาเต็มที่ก็เมื่อลูกอายุ 6-7 ปีไปแล้ว จึงมักจะเห็นเด็กวัยนี้บางคนป่วยบ่อยๆ เข้าทำนองสามวันดี สี่วันไข้ เห็นวิ่งเล่นซนอยู่ไม่ทันไร วันรุ่งขึ้นก็เป็นหวัดหรือท้องเสียซะแล้ว หากเด็กในวัยนี้ป่วยบ่อยก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาสการเรียนรู้ และกระทบต่อพัฒนาการโดยรวมของร่างกาย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือการเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้ลูก เพราะระบบภูมิคุ้มกันที่ดีในวัยนี้เป็นพื้นฐานของพัฒนาการที่ดีในทุกๆ ด้าน

พัฒนาการทางร่างกาย
เราเห็นความสัมพันธ์ของเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน เด็กที่ไม่ค่อยเจ็บป่วยจะมีพัฒนาการทางร่างกายดีกว่าเด็กที่ไม่สบายบ่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าระบบต่างๆ ในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่หยุดชะงัก เพราะไม่มีการเจ็บป่วยมาขัดจังหวะ ร่างกายจึงสมบูรณ์แข็งแรงตามวัย

พัฒนาการทางสติปัญญา
ร่างกายที่แข็งแรงช่วยให้มีการสร้างเซลล์สมองอย่างเหมาะสมตามวัย เปรียบเสมือนกับสร้างระบบไว้รองรับการพัฒนาอยู่แล้ว เมื่อบวกเข้ากับการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ที่ส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็จะมีส่วนช่วยพัฒนาสติปัญญาของลูกได้

พัฒนาการทางอารมณ์
เด็กที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แจ่มใส สุขภาพจิตดี เพราะไม่มีอาการเจ็บป่วยให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว หรือรำคาญใจ

พัฒนาการทางสังคม
เมื่อเด็กมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อยๆ แน่นอนว่าเขาจะมีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์นอกบ้าน และทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ได้มากขึ้น

จากการศึกษาพบว่าจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้ดี ซึ่งปัจจุบันนี้มีการเติมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ลงในผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น อาหารเสริมสำหรับเด็ก และนมผง จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กลุ่มนี้จะช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคโดยกลไกหลายอย่าง คือ

1. เกาะปกคลุมผิวเยื่อบุลำไส้ไว้ ไม่ให้เชื้อก่อโรคเกาะจับที่ผิวเยื่อบุลำไส้และทำอันตรายผนังลำไส้ได้
2. หมักใยอาหาร พรีไบโอติกและแลคโตสในนม ได้ผลผลิตเป็นกรดอะซิติกและแลคติกซึ่งหยุดยั้งการเติบโตของเชื้อก่อโรคได้
3. ปล่อยสารแบคเทอริโอซิน (bacteriocin) ออกมาทำลายเชื้อก่อโรค
4. แย่งอาหารเชื้อก่อโรค ทำให้เชื้อก่อโรคไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
5. กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการสื่อสารกับเนื้อเยื่อน้ำเหลืองในชั้นใต้เยื่อบุลำไส้ (gut-associated lymphocyte tissue, GALT) ทำให้มีการกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งที่สร้างได้ และคนที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับลูกจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณพ่อคุณแม่ที่จะเลือกสิ่งที่ดีให้กับลูกนะคะ