อายุรเวท เป็นแนวทางการรักษาแบบโบราณ ที่เน้นการปรับสมดุลและการประสานระหว่างร่างกายกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา โดยมีหลักการว่า “สรรพสิ่งรอบตัวเราล้วนเป็นอยู่กับเรา”
ความจริงเราต่างก็คุ้นเคยกับอายุรเวทกันอยู่แล้ว เพียงแต่อาจไม่รู้ตัว เช่น เมื่ออากาศเย็นเราก็จะสวมเสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่น ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ นั่นคือเรากำลังปรับสมดุลระหว่างความเย็นและความร้อน แต่ถ้าเราไม่ฟังและไม่ตอบสนองความต้องการของร่างกาย ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่สมดุล เช่น การเดินตากฝนโดยไม่มีร่มหรือเสื้อกันฝนทุกวัน เราก็จะเป็นหวัด ไอ และมีไข้
อายุรเวทจึงเป็นการอธิบายธรรมชาติหรือสภาวะต่างๆ เช่น ร้อน เย็น เปียก แห้ง ฯลฯ เป็นการวัดความไม่สมดุลของร่างกายเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรค เช่น ถ้ามีผู้ป่วย 3 คนที่เป็นโรคเดียวกัน คือ ไมเกรน
การที่ ผู้ป่วยทั้งสามเป็นโรคเดียวกัน แต่ได้รับการรักษาที่แตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน ก็คือการใช้หลักอายุรเวทในการปรับสมดุลให้ร่างกายนั่นเอง ซึ่งนอกจากการปรับสมดุลธาตุพื้นฐานต่างๆ แล้ว อายุรเวทยังรวมไปถึงการดูแลด้านอาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ อายุ และสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาโรคที่ต้นเหตุแท้จริง และยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ
หลักอายุรเวทยังตรวจวัดลักษณะของธาตุต่างๆ ด้วยการออกกำลังกาย แล้วนับอัตราการเต้นของชีพจรต่อนาที นำมาเทียบผลกับตารางดังนี้
ดังนั้นอายุรเวทจึงเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเคล็ดลับการดูแลุขภาพขั้นพื้นฐานแบบง่ายๆ เพียงแต่เราต้องหมั่นสังเกตตัวเอง เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่ในตัวเอง เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะมีความสุขได้ยาวนาน
ความจริงเราต่างก็คุ้นเคยกับอายุรเวทกันอยู่แล้ว เพียงแต่อาจไม่รู้ตัว เช่น เมื่ออากาศเย็นเราก็จะสวมเสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่น ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ นั่นคือเรากำลังปรับสมดุลระหว่างความเย็นและความร้อน แต่ถ้าเราไม่ฟังและไม่ตอบสนองความต้องการของร่างกาย ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่สมดุล เช่น การเดินตากฝนโดยไม่มีร่มหรือเสื้อกันฝนทุกวัน เราก็จะเป็นหวัด ไอ และมีไข้
อายุรเวทจึงเป็นการอธิบายธรรมชาติหรือสภาวะต่างๆ เช่น ร้อน เย็น เปียก แห้ง ฯลฯ เป็นการวัดความไม่สมดุลของร่างกายเพื่อประโยชน์ในการรักษาโรค เช่น ถ้ามีผู้ป่วย 3 คนที่เป็นโรคเดียวกัน คือ ไมเกรน
- คนแรกมี ผิวหนังและริมฝีปากแห้ง รูปร่างผอมบาง มีอาการปวดหัวอย่างหนัก แนวทางก็อายุรเวทก็จะให้การบำบัดโดยการใช้น้ำมันร้อน และดื่มชาสมุนไพรร้อน เพื่อต่อต้านความแห้งกร้าน ช่วยให้ระบบประสาทและอาการหงุดหงิดสงบลง
- คนที่สองมีความรู้สึกว่าดวงตาร้อนผ่าว มีอาการปวดหัวรุนแรงและมีไข้สูง เขาก็จะได้รับคำแนะนำให้ใช้ยาสมุนไพรประคบเย็น และเครื่องดื่มเย็น เพื่อลดไข้และความร้อนในร่างกาย
- ส่วนคนสุดท้ายมีอาการปวดหัว หนักหน่วงซ้ำๆ กัน พบเลือดคั่ง จะได้รับยาสมุนไพรชูกำลังแบบเจือจาง เพื่อปรับสมดุลให้ความรู้สึกหนักและล้าของร่างกายบรรเทาลง
การที่ ผู้ป่วยทั้งสามเป็นโรคเดียวกัน แต่ได้รับการรักษาที่แตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละคน ก็คือการใช้หลักอายุรเวทในการปรับสมดุลให้ร่างกายนั่นเอง ซึ่งนอกจากการปรับสมดุลธาตุพื้นฐานต่างๆ แล้ว อายุรเวทยังรวมไปถึงการดูแลด้านอาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ อายุ และสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาโรคที่ต้นเหตุแท้จริง และยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ
หลักอายุรเวทยังตรวจวัดลักษณะของธาตุต่างๆ ด้วยการออกกำลังกาย แล้วนับอัตราการเต้นของชีพจรต่อนาที นำมาเทียบผลกับตารางดังนี้
อัตราชีพจรต่อนาที | ลักษณะธาตุ | สมดุลกับสิ่งต่อไปนี้ |
60-70 | ธาตุน้ำและธาตุดิน | อาหารร้อน(อุ่น) มื้อเบาๆ, เครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ, การเดินเร็ว |
70-80 | ธาตุไฟ | อาหารและเครื่องดื่มเย็น, เดินเล่นอย่างไม่เร่งรีบหรือ ช้าเกินไปในสวนที่มีต้นไม้หรือใต้แสงจันทร์ |
80 ขึ้นไป | ธาตุดินและธาตุลม | อาหารและเครื่องดื่มร้อน(อุ่น), เน้นการออกกำลังแบบผ่อนคลายและทำให้สงบ |
ดังนั้นอายุรเวทจึงเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นเคล็ดลับการดูแลุขภาพขั้นพื้นฐานแบบง่ายๆ เพียงแต่เราต้องหมั่นสังเกตตัวเอง เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่ในตัวเอง เพียงเท่านี้ชีวิตก็จะมีความสุขได้ยาวนาน