Sort by
Sort by

วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไร

ทำความรู้จักกับวิตามินแต่ละชนิด
ท่ามกลางกระแสสื่อโฆษณามากมายในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจซื้อวิตามินในรูปแบบเม็ดมารับประทาน อันเนื่องมาจากความเร่งรีบในชีวิตประจำวันจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้หลายคนกังวลว่าร่างกายอาจจะได้รับวิตามินไม่เพียงพอ ปรากฏการณ์ดังกล่าว จึงนับเป็นเรื่องน่าสนใจมากว่า ในอันที่จริงแล้วร่างกายของคนเรานั้นต้องการวิตามินหรือไม่ และในปริมาณมากน้อยเท่าใด รวมถึงในบรรดาวิตามินที่มีอยู่มากมายนั้น มีชนิดใดบ้างที่จำเป็นต่อร่างกายของเราจริงๆ ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะช่วยให้เรารู้เท่าทัน และสามารถรับประทานวิตามินได้อย่างถูกวิธี เพือให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และเพื่อสุขภาพที่ดีซึ่งจะอยู่กับเราไปอีกนาน

“วิตามิน” เป็นสารอินทรีย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสารอาหาร โดยร่างกายของคนเรานั้นต้องการวิตามินเพื่อควบคุมปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกาย ในปริมาณเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสารอาหารอื่นๆที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แต่วิตามินกลับถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายไม่อาจขาดได้ โดยนักวิชาการได้แบ่งวิตามินออกเป็น 2 ประเภทคือ วิตามินที่ละลายในน้ำ และวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งร่างกายจะมีการกระบวนการในการดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์แตกต่างกัน

สำหรับวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกายของคนเรา มีดังต่อไปนี้
 

กลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ



1.วิตามินซี – มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ รักษาบาดแผล สร้างภูมิคุ้มกันโรค ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ รวมทั้งยังช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย โดยวิตามินชนิดนี้พบมากในผักและผลไม้สด เช่น ฝรั่ง มะเขือเทศ และส้ม เป็นต้น

2.วิตามินบี 1 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท หัวใจและกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา อาการเหนื่อยง่าย และป้องกันอาการตะคริว วิตามินบี 1 พบในข้าวซ้อมมือ ตับ เนื้อหมูและไข่แดง

3.วิตามินบี 2 – มีประโยชน์ต่อการทำงานของระบบประสาทตา ช่วยในการเผาผลาญไขมัน โดยหากร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้ อาจทำให้เป็นโรคปากนกกระจอกได้ สำหรับแหล่งที่พบวิตามินชนิดนี้ เช่น ไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และนม

4.วิตามินบี 5 - ช่วยในการทำงานของระบบผิวหนัง ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหารและระบบหายใจ โดยหากขาดวิตามินชนิดนี้ อาจทำให้เป็นโรคความจำเสื่อม หรือมีอาการเชื่องช้า สามารถพบได้ในไข่ ถั่วลิสง เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ งา และนม

5.วิตามินบี 6 – ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือด หากขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้เป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคโลหิตจางได้ วิตามินบี 6 พบได้ในเนื้อสัตว์ ตับ กล้วย ผักต่างๆ และปลา

6.วิตามินบี 12 – มีส่วนช่วยในการสังเคราะห์ DNA สร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยในการสังเคราะโปรตีนในร่างกาย พบในไข่ ถั่ว เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม
 

กลุ่มวิตามินที่ละลายในไขมัน



1.วิตามิน A – พบมากในเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้สีเหลือง ส้ม และเขียวเข้ม เช่น คะน้า ฟักทอง แครอท และไข่แดง โดยมีส่วนในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน – ช่วยสร้างความต้านทานให้ระบบหายใจ ช่วยลดการอักเสบของสิว และช่วยลบจุดด่างดำ

2.วิตามิน D – มีส่วนช่วยเสริมสร้างให้กระดูกและฟันแข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ พบได้ในน้ำมันตับปลา นม เนย และไข่แดง รวมไปถึงในแสงแดดอ่อนๆยามเช้า

3.วิตามิน E – มีประโยชน์ในการช่วยป้องกันการแตกของเยื้อหุ้มเซลล์ ช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และกล้ามเนื้อ มีอยู่มากในอาหารจำพวก น้ำมันพืช เมล็ดทานตะวัน ถั่วต่างๆ ผักสีเขียวปนเหลือง

4.วิตามิน K – มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวเวลาที่มีบาดแผลรุนแรง พบได้ในเนื้อสัตว์ ดอกกะหล่ำ บรอคโคลี ไข่แดง ตับและถั่ว

เมื่อได้ทำความรู้จัก รวมทั้งทราบประโยชน์ของวิตามินแต่ละชนิดแล้ว หลายท่านอาจยังมีคำถามคาใจอยู่ว่า “ควรจะรับประทานวิตามินแต่ละชนิดเสริมในปริมาณมากเท่าใดจึงจะเพียงพอต่อความต้องการและได้ประโยชน์ที่แท้จริง?” ซึ่งในความเป็นจริง หากคุณเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว เพียงแค่รับประทานอาหารให้หลากหลาย ถูกสัดส่วน ครบทั้ง 5 หมู่ เลือกรับประทานผักผลไม้ให้มาก หรือเลือกผลิตภัณฑ์อาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีการเสริมวิตามินต่างๆอย่างพอเหมาะ เพียงเท่านี้ร่างกายของคุณก็ได้รับวิตามินเพียงพอแล้ว ดังนั้น การตัดสินใจซื้อวิตามินเม็ดมารับประทานเสริมโดยอยู่นอกเหนือการควบคุมดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะเกินความจำเป็น จนอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้แล้ว ยังทำให้คุณต้องสิ้นเปลืองไปโดยใช่เหตุอีกด้วยนั่นเอง