Sorry, you need to enable JavaScript to visit this website.
Sort by
Sort by

ขุนเขาแห่งโคยะ

ขุนเขาแห่งโคยะ
มาญี่ปุ่นคราวนี้ ‘คนห่างวัด’ อย่างฉัน คงได้ใกล้วัดที่สุดแล้ว เพราะเมื่อขึ้นมาอยู่บนยอดเขาโคยะ (Koya-san) ฉันก็ถูกวัดล้อมไว้หมดทุกด้าน...

แรกเห็นนักบวชโกนศีรษะนุ่งห่มแบบหลวงจีนที่เคยเห็นในหนังจีนควบมอเตอร์ไซค์ไปมาก็ว่ามันส์แล้ว แต่พอเห็นหลวงพี่บางรูปซิ่งรถเก๋งสปอร์ตก็ต้องอมยิ้มกระหยิ่มใจกับภาพไม่คุ้นตานั้น

โคยะซัน เป็นยอดเขาสูงราว 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล (ซัน แปลว่า ภูเขา) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองโอซากาด้วยรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที มารู้เอาหลังจากที่ขึ้นรถรางมาเดินเล่นบนยอดเขาเนื้อที่ 10 กว่าตารางกิโลเมตรนี้ว่าโคยะซันเป็นเมืองสำคัญที่สุดของพุทธศาสนานิกายชินงอน (Shingon) ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ศาสนาพุทธในญี่ปุ่นนั้นเป็นคนละสายกับของไทยเรา นอกจากจะเป็นพุทธสายมหายานแล้ว ยังผสมรวมบางส่วนของศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้าไปด้วย แถมพุทธศาสนาในญี่ปุ่นยังแตกสายออกไปหลายๆนิกาย ที่เราคุ้นที่สุดก็คือ นิกายเซน นั่นเอง

รู้คร่าวๆ อย่างนี้แล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเจ้าของร้านชำในโคยะซันบางร้านจึงมีรูปพรรณสันฐานเป็นนักบวชได้ ขี่มอเตอร์ไซค์ ขับรถสปอร์ตได้ บนยอดเขาโคยะ มีวัดทั้งเล็กและใหญ่เบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 117 วัด เรียกว่าเป็น เมืองวัด ก็คงได้ ซ้ำสถานที่สำคัญที่สุดก็คือ ป่าช้าขนาดใหญ่และเก่าแก่ด้วยหลุมฝังศพราว 5 แสนหลุม !!

ที่ฟังดูแปลกๆ ก็คือ โคยะซัน เป็น ‘เมืองท่องเที่ยว’ เต็มรูปแบบเสียด้วย !?

วัด กับ ป่าช้า...ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ แต่โคยะซันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ยืนยันได้ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางขึ้นเขามาด้วยรถราง (Cable Car) และทั้งขับรถส่วนตัวมาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ จำนวนร้านขายของที่ระลึก ขนม อาหารที่เปิดบริการผู้มาเยือนทั่วทุกพื้นที่ในเมือง และที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุด เห็นจะเป็นบริการที่พักแบบ ชุคุโบ (Shukubo)
ภาษาบ้านเราเรียกว่า นอนวัด

ชุคุโบ เป็นบริการที่พักในวัด ซึ่งจะให้ประสบการณ์อันดื่มด่ำลึกล้ำกับบรรยากาศสงบเงียบและงดงามตามแบบฉบับวัดญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติปรุงสดรสเลิศ แขกที่มาพักคนใดสนใจในมิติด้านจิตวิญญาณก็สามารถเข้าร่วมพิธีทำวัตรเช้ากับพระสงฆ์ในวัดหรือจะทดลองนั่งฝึกสมาธิแบบเซนก็ได้ด้วย

แม้จะได้ชื่อว่า ‘นอนวัด’ แต่อย่าหมายว่าจะได้นอนกางมุ้งเรียงรายอนาถาบนศาลาวัดเป็นอันขาด แต่ชุคุโบนั้นมีห้องปูเสื่อทาทามิ ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นแท้ที่เรียกว่า ฟุสุมะ พร้อมเครื่องนอนครบครัน ยังไม่นับสวนญี่ปุ่นที่แต่ละวัดต่างออกแบบตกแต่งเสริมบรรยากาศสงบงามและผ่อนคลายแก่แขกผู้มาเยือนกันสุดฝีมืออีกด้วย

สนนราคาค่าที่พักพร้อมอาหารนั้นก็ช่างสมกับบริการ คือราวๆ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,500 บาท ต่อคนต่อคืน สำหรับประสบการณ์แบบ ‘ครั้งหนึ่งในชีวิต’ แล้ว ขอยืนยันว่าคุ้ม...ชอบใจศาลาไหน...เอ้อ..วัดไหนก็เลือกจองได้เลยเพราะมีถึง 53 วัด ที่มีชุคุโบไว้บริการ

เช้าหนึ่ง...ฉันทดลองกัดฟันสลัดผ้าห่มอันอุ่นหนา พรากจากฮีตเตอร์ส่วนตัวในห้องพัก ฝ่าอากาศหนาวเย็นต้นเดือนพฤศจิกายน ไปร่วมพิธีทำวัตรเช้าที่วัดอิชิโจ (Ichijo-in) ตอนหกโมงเช้าเป็นผลสำเร็จหลังจากรีๆ รอๆ มาสองเช้าแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า

ภายในห้องโถงใหญ่สว่างเรืองรองด้วยแสงเทียนสีส้ม พระสงฆ์ทำพิธีสวดมนต์อยู่กลางห้อง ส่วนฆราวาสนั่งล้อมวงสงบนิ่งอยู่รอบๆห้อง สำเนียงเสียงสวดมนต์แม้ไม่คุ้นหูแต่ท่วงทำนองไพเราะสม่ำเสมอชวนให้เคลิ้มไปกับบรรยากาศอันสงบงามได้ดีทีเดียว พิธีสวดมนต์ดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และสอดประสานกันราว 1 ชั่วโมง ก็เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าสางพอดี

ฉันถือโอกาสลุกเดินไปชมสวนของวัดที่มีบ่อเลี้ยงปลาคาร์พสวยงาม หลวงพี่รูปหนึ่งกำลังให้อาหารปลาคาร์พอยู่พอดี ฉันนั่งนิ่งๆ ดูฝูงปลาคาร์พงาบอาหารเช้าอยู่สักพักก็น้ำลายสอขึ้นมาบ้างเมื่อนึกถึงอาหารเช้าของมิชิโกะ...ภรรยาเจ้าของบ้านพัก Koya Youth Hostel ที่ฉันพักอยู่จะเตรียมไว้ให้ทุกเช้า รีบเช็ดน้ำลาย กราบลาหลวงพี่ แล้วดิ่งกลับบ้าน

อาหารเช้าของมิชิโกะนั้นปรุงสดใหม่ หากฉันยังไม่เข้าไปนั่งประจำที่ในห้องรับประทานอาหาร เธอก็จะยังไม่ยกสำรับมาตั้งเสิร์ฟไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ข้าวและกับข้าวจะได้ร้อนกรุ่นจากเตาจริงๆ

ฉันติดใจยอดเขาโคยะจนถึงกับนอนค้างเสีย 4 คืน เพื่อที่จะได้เดินเที่ยวเล่นให้ทั่วทุกซอกมุมตามประสาคนเดินช้า สถานที่ที่ไปเดินเล่นทุกวันคือ ป่าช้า...

ป่าช้าที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน...รับรองได้ หลุมฝังศพราวห้าแสนร่างนั้นอยู่ในพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่บนยอดเขาที่มีต้นสนเมืองหนาวสูงใหญ่ขนาดแหงนคอตั้งบ่าแทรกแซมอยู่ทั่วไป ทางเดินโล่งสะอาดเหมาะแก่การเดินเล่นให้เย็นใจจริงๆ ท้ายสุสาน..เป็นที่ตั้งของวัดโอคุโนะ (Okuno-in) ซึ่งถือเป็นวัดสำคัญยิ่งเพราะเป็นที่เก็บศพของ ท่านโกโบไดจิ...พระผู้ก่อตั้งนิกายชินงอนขึ้นในญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 1359 นู่น...

ผู้คนที่มาท่องเที่ยวยอดเขาโคยะจึงนอกจากจะมาสูดอากาศสดบนภูเขา ชื่นชมความงามของวัดต่างๆแล้ว ยังถือโอกาสทำบุญกันไม่ยั้ง วัดทั้งหลายบนยอดเขาแห่งนี้จึงรุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นอันมาก ฉันแอบสังเกตเห็นว่าขนาดในลำธารใสที่นักท่องเที่ยวมักโยนเศษเหรียญลงไป(ทำไมไม่รู้) ก็ยังมีตาข่ายปูรองรับอยู่ที่ก้นลำธาร เพื่อให้ง่ายแก่การเก็บกู้เศษเหรียญขึ้นมา...

เดินเที่ยวดูเกือบครบทุกวัดแล้ว ฉันต้องขอคารวะระบบการบริหารจัดการกิจการภายในของวัดต่างๆ แห่งโคยะซันนี้หมดหัวใจ...