Sort by
Sort by

เปิดตัวแล้ว!ใหม่ “ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย” หวานธรรมชาติจากนมและมอลต์

milo
Back to Press releases

นวัตกรรมเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์พร้อมดื่มที่ไม่มีน้ำตาลทรายครั้งแรกในไทย และครั้งแรกในโลก 

กรุงเทพฯ 6 มีนาคม 2562 - ผลิตภัณฑ์ไมโล รุกตลาดเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์โดยรวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เดินหน้าทุ่มงบ 200 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์เปิดตัว ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย ใหม่! นวัตกรรมเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์พร้อมดื่มที่ไม่มีน้ำตาลทรายครั้งแรกของไทย ที่มุ่งขานรับนโยบายสุขภาพของรัฐบาลในการส่งเสริมให้ผู้บริโภครับประทานน้ำตาลอย่างเหมาะสมและเข้าใจ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค ชูจุดเด่น อร่อย ได้คุณประโยชน์และพลังงาน แม้ไม่มีน้ำตาลทราย หวานธรรมชาติจากนมและมอลต์ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ที่มองหาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้กับลูก

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “ที่เนสท์เล่ เรามุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของเนสท์เล่ (Nestlé Purpose) ในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาพดีสู่อนาคต (Enhancing quality of life and contributing to a healthier future) จะเห็นได้จากปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ภายใต้เนสท์เล่ได้รับเครื่องหมายสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพถึง 48 ผลิตภัณฑ์ และเราก็ยังคงทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันสนับสนุนให้ประชากรในประเทศไทยมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก แต่เราเข้าใจถึงความสำคัญของการลดปริมาณน้ำตาล จึงเป็นที่มาของวิธีการเชิงรุกในการช่วยเหลือผู้คนและครอบครัวลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่เติมเพิ่ม ผ่านการริเริ่มให้ความรู้ และมอบผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค”

นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโล ในฐานะที่เป็นแบรนด์เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ซึ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 6 ทศวรรษ เรามุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไมโลทุกตัวให้มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งสอดรับกับมาตรฐานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ และเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกและมาตรฐานของคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อขานรับนโยบายสุขภาพของภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมการบริโภคน้ำตาลอย่างเหมาะสม โดยเรามี ไมโล สูตรปกติ ที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้พลังงาน และคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม ต่อมาในปี 2560 ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์ไมโล สูตรน้ำตาลน้อยกว่า 30% เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่มองหาตัวเลือกที่มีน้ำตาลน้อยกว่าซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมองหาสินค้าที่ไม่มีน้ำตาลทรายมากขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญและใส่ใจอย่างมากกับปริมาณน้ำตาลที่บริโภคในแต่ละวัน นอกจากนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ได้เข้ามามีบทบาทในการให้ความรู้เรื่องของการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสม รวมถึงการเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือมีน้ำตาลน้อย พร้อมทั้งยังมีการริเริ่มโครงการ “สัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ” และมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์สูตรน้ำตาลน้อยสู่ตลาด ด้วยเหตุนี้ ไมโล จึงได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภค”

ผลิตภัณฑ์ “ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย” ใหม่! ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกภายใต้แบรนด์ไมโล เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศไทย โดยผนึกความร่วมมือของ 3ทีมนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ในระดับโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระดับภูมิภาคจากประเทศสิงคโปร์ และระดับท้องถิ่นจากประเทศไทย ในการคิดค้นไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย จนสำเร็จ และที่สำคัญยังได้รับสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจคุณแม่ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้กับลูกๆ นอกจากนี้ เรายังได้ทำการวิจัยกับกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย โดยได้นำเสนอเรื่องของแนวคิดของผลิตภัณฑ์ และชิมรสชาติผลิตภัณฑ์ ผลปรากฏว่า 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชื่นชอบในรสชาติผลิตภัณฑ์ และสนใจจะซื้อผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย

ด้าน ศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารศึกษา คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ และอาจารย์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “จากสถิติข้อมูลการสำรวจสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงพบว่า ปี 2552 คนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป มีอัตราการเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCD เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง สูงกว่า 73% และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุขตามนโยบายรัฐบาลไทยแลนด์ 4.0 ที่ตั้งเป้าหมายให้ ‘ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน’ หนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญคือ การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยมุ่งเน้นส่งเสริมและให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม สุขภาพและโภชนาการที่เหมาะสมให้แก่ประชาชน เช่น เรื่องการบริโภคน้ำตาลอย่างเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนได้ดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างถูกต้องและมีสุขภาพดี ผมต้องขอชื่นชมผลิตภัณฑ์ไมโลที่ลุกขึ้นมาขานรับนโยบายสุขภาพรัฐบาลอย่างจริงจังด้วยการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นต้นแบบของเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลทรายที่ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภค”

ไมโลได้จัดทำกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดอย่างครบเครื่องผ่านการสื่อสารสื่อดิจิทัลที่หลากหลายเพื่อให้ความรู้ผู้บริโภคเกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลอย่างเหมาะสม พร้อมจับมือกับ 7-11 ในช่วงเริ่มต้น เพื่อกระจายผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทรายให้เข้าถึงผู้บริโภคเป้าหมายอย่างรวดเร็วกว่า 12,000 ร้านค้าภายใน 7 วัน แคมเปญดิจิทัล เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคุณแม่ยุคใหม่และกลุ่มคนรักสุขภาพ กิจกรรมการแจกผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทรายในโมเดิร์นเทรด และโปรโมชั่นพิเศษ ร่วมกับร้านค้าและร้านสะดวกซื้อที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

ผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย เป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ที่ไม่มีน้ำตาลทรายพร้อมรสชาติหอมอร่อย จากมอลต์สกัดจากธรรมชาติและคุณประโยชน์ของนมเพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคและเด็กไทย อ่อนหวานเสริมสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน และหวังว่าจะผลักดันให้แบรนด์ไมโลเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ที่คุณแม่ชาวไทยมั่นใจและไว้ใจเลือกให้กับลูกๆ” นายไชยงค์ กล่าวทิ้งท้าย

“ผลิตภัณฑ์ไมโล ยูเอชที สูตรไม่มีน้ำตาลทราย” เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์อร่อย มีประโยชน์ด้วยน้ำตาลธรรมชาติจากนมและมอลต์ อุดมด้วยคุณประโยชน์ครบครันจากนม และโปรโตมอลต์ พร้อมให้โปรตีนสูง 5,000 มิลลิกรัมและแคลเซียมสูงกว่าไมโลสูตรปกติ 2 เท่า รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมาย มีวางจำหน่ายแล้วในขนาด 180 กรัม ราคา 13 บาท ที่ร้าน 7-11 ในช่วงต้น และ ตั้งแต่ มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป จะวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ