
เนสท์เล่ได้ย้ำให้เห็นว่าการสร้างคุณค่าร่วมในสังคม (CSV) ส่งผลให้เกิดความสำเร็จทางด้านธุรกิจทั่วโลกได้อย่างไรในการประชุมระดับโลกเรื่องการสร้างคุณค่าร่วมในสังคมประจำปี 2012 ที่เมืองนิวเดลฮี ประเทศอินเดีย
ตัวแทนจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และจากภาคธุรกิจต่างๆ กว่า 450 รายได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้เพื่อชูประเด็นเรื่องบทบาทของธุรกิจในการพัฒนา และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการสร้างคุณค่าร่วม (CSV) โดยให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียใต้เป็นพิเศษ
การประชุมครั้งนี้ซึ่งมีสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (FICCI) เป็นเจ้าภาพร่วม จะเน้นถึงกิจกรรมในเรื่องหลักๆ ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ กล่าวคือเรื่อง น้ำ โภชนาการ และการพัฒนาชนบท
ปีเตอร์ บราเบค-เล็ทเมธ ประธานคณะกรรมการบริษัทเนสท์เล่ กล่าวว่า "เราเชื่อในพลังของการสร้างคุณค่าร่วม ซึ่งการสร้างคุณค่าร่วมจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อก่อให้เกิดการระดมความคิดในทุกภาคส่วนทั่วโลก"
"และพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการสร้างคุณค่าร่วมอยู่ตรงการที่เป็นแนวความคิดแบบเปิดกว้าง ซึ่งทุกคนสามารถนำไปใช้ได้”
“การที่บริษัทแห่งหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ บริษัทนั้นๆ จะต้องนำการสร้างคุณค่าร่วมเข้ามาใช้งาน" พอล บุลเก้ ซีอีโอของเนสท์เล่กล่าว “การสร้างคุณค่าร่วมไม่ใช่สิ่งที่เราทำเพิ่มเติม แต่เป็นสิ่งที่แฝงอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำอยู่”
การสร้างคุณค่าร่วมในสังคม (Creating Shared Value)
การสร้างคุณค่าร่วมเป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเนสท์เล่ โดยช่วยให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์คุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสังคมโดยรอบ โดยเฉพาะในชุมชนที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินกิจการอยู่
การสร้างคุณค่าร่วมเกิดขึ้นได้จากความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมและการปฏิบัติตามกฎหมาย หลักจรรยาบรรณทางธุรกิจ และหลักปฏิบัติทางธุรกิจของเนสท์เล่
เนสท์เล่ได้ผนวกเอาการสร้างคุณค่าร่วม (CSV) เข้าไปในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท โดยเริ่มตั้งแต่การพัฒนาเกษตรกรรมและชนบท การส่งมอบผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้า ไปจนถึงการกำจัดของเสีย เนสท์่เล่ได้พัฒนาแนวคิดดังกล่าวขึ้นโดยความร่วมมือจากศาสตราจารย์ไมเคิล พอร์เตอร์และมาร์ก เครเมอร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
มาร์ก เครเมอร์ ได้กล่าวไว้ในการประชุมครั้งนี้ว่า “การสร้างคุณค่าร่วมเป็นรากฐานสำหรับโอกาสทางธุรกิจ และในทางกลับกัน ธุรกิจก็จะเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาของสังคม”
"เราเชื่อในพลังของการสร้างคุณค่าร่วม ซึ่งการสร้างคุณค่าร่วมจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อก่อให้เกิดการระดมความคิดในทุกภาคส่วนทั่วโลก”ปีเตอร์ บราเบค-เล็ทเมธ ประธานคณะกรรมการบริษัทเนสท์เล่
การเปลี่ยนผ่านชั่วรุ่น
ในระหว่างการอภิปรายเรื่องภาวะทุพโภชนาการ นานดู นานด์กิชอร์ ผู้อำนวยการบริหารดูแลภูมิภาคเอเชีย โอเชียเนีย แอฟริกา และแอฟริกาของเนสท์เล่ ได้กล่าวเน้นย้ำให้เห็นความจำเป็นในการให้ความรู้แก่สังคมเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติเกี่ยวกับโภชนาการ
นานดู นานด์กิชอร์ กล่าวว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายแต่ในทางกลับกัน ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง
เราต้องการวิธีการที่ดีกว่าเดิมและละเอียดกว่าเดิมในการระบุถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาวะทุพโภชนาการ เราเชื่อว่าการจัดการกับปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้สามวิธี กล่าวคือ การให้การศึกษา การเสริมโภชนาการ และการกำหนดข้อบังคับต่างๆ ”
Ann M. Veneman หนึ่งในคณะกรรมการบริษัทของเนสท์เล่และอดีตกรรมการบริหารของยูนิเซฟกล่าวว่า “ภาวะทุพโภชนาการก่อให้เกิดปัญหาทั้งสองด้านคือทั้งการขาดสารอาหาร และการรับสารอาหารมากเกิน และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมจุลธาตุอาหารและการเสริมสารอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เราจะต้องไม่พิจารณาเฉพาะเพียงพลังงานที่ได้รับเข้าไปเท่านั้น แต่เราจะต้องคำนึงถึงสารอาหารที่จะได้รับอีกด้วยเช่นกัน”
ได้เวลาลงมือ
ในหัวข้ออภิปรายเกี่ยวกับน้ำ ปีเตอร์ บราเบค-เล็ทเมธ ได้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการจัดการกับปัญหาทางด้านน้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ปีเตอร์กล่าวว่า “น้ำจะหมดโลกก่อนที่น้ำมันจะหมดโลกเสียอีก เราต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้นๆ ต่อพลังงานทุกๆ แคลอรี่ที่เราผลิตได้ และนั่นเป็นปัญหาอย่างแท้จริง"
ศาสตราจารย์ Asit Biswas จาก Third World Centre for Water Management ได้กล่าวเตือนไว้ว่าน้ำควรจะมีมูลค่า
“ในอินเดีย ชาวนาสามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ฟรี ดังนั้น ชาวนาจึงสูบน้ำขึ้นมาตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่คำนึงว่าจะต้องใช้น้ำดังกล่าวหรือไม่” เขากล่าว
Agatha Sangma รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาชนบทของอินเดียกล่าวในอีกช่วงของการอภิปรายว่า "ปัญหาใหญ่ที่ท้าทายทุกประเทศทั่วโลกปัญหาหนึ่งก็คือการหาน้ำดื่มที่สะอาด
การอภิปรายทุกหัวข้อในการประชุม CSV จะมีการถ่ายทอดผ่านทาง webcast โดยสามารถเรียกดูตามความต้องการได้ที่นี่