เมื่อพูดถึงไขมันในอาหาร บางคนจะนึกถึงมันจากเนื้อสัตว์ที่เห็นกันชัดๆ เช่น มันหมู บางคน
อาจนึกถึงน้ำมันพืชขวดเหลืองๆ แต่คุณรู้ไหมคะว่า ไขมันในอาหารที่ร้ายกาจที่สุดจริงๆ แล้ว คือไขมัน
ที่แฝงตัวอยู่เงียบๆ และคุณไม่มีทางรู้ตัวถ้าไม่รู้จัก และไม่เคยสังเกต ไขมันที่ว่านี้มีชื่อว่า ไขมัน
ทรานส์ หรือ Trans Fat
อาจนึกถึงน้ำมันพืชขวดเหลืองๆ แต่คุณรู้ไหมคะว่า ไขมันในอาหารที่ร้ายกาจที่สุดจริงๆ แล้ว คือไขมัน
ที่แฝงตัวอยู่เงียบๆ และคุณไม่มีทางรู้ตัวถ้าไม่รู้จัก และไม่เคยสังเกต ไขมันที่ว่านี้มีชื่อว่า ไขมัน
ทรานส์ หรือ Trans Fat
ไขมันทรานส์นั้นเป็นไขมันที่มีอยู่บ้างในเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติ แต่ปริมาณไม่มากเท่ากับไขมันทรานส์
ที่เกิดจากอุตสาหกรรมอาหาร โดยการเติมโมเลกุลของไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช ด้วยกระบวนการ
ที่เรียกว่า ไฮโดรจีเนชั่น (Hydrogenation) เพื่อให้น้ำมันไม่เหม็นหืนจึงมีการใช้กันมากในอาหารที่มี
น้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ และต้องวางขายเป็นเวลานาน เช่น คุ้กกี้ แคร็กเกอร์ มัฟฟิ่น เนย มาการีน
ชอร์ทเทนนิ่ง ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอดกรอบ ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ อาหารแช่แข็ง เป็นต้น
ที่เกิดจากอุตสาหกรรมอาหาร โดยการเติมโมเลกุลของไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืช ด้วยกระบวนการ
ที่เรียกว่า ไฮโดรจีเนชั่น (Hydrogenation) เพื่อให้น้ำมันไม่เหม็นหืนจึงมีการใช้กันมากในอาหารที่มี
น้ำมันพืชเป็นส่วนประกอบ และต้องวางขายเป็นเวลานาน เช่น คุ้กกี้ แคร็กเกอร์ มัฟฟิ่น เนย มาการีน
ชอร์ทเทนนิ่ง ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอดกรอบ ป๊อปคอร์นไมโครเวฟ อาหารแช่แข็ง เป็นต้น
ผลเสียต่อสุขภาพที่ร้ายกาจที่สุดของไขมันทรานส์คือ
ผลต่อระดับโคเลสเตอรอลในเลือด พบว่าไขมันทรานส์
นั้นทำร้ายหัวใจของเราถึงสามเด้ง หนึ่งคือ เพิ่ม
โคเลสเตอรอลตัวที่ไม่ดีหรือ LDL สองคือลดโคเลส-
เตอรอลตัวที่ดี หรือ HDL และสามคือ เพิ่มการ
อักเสบในระดับโมเลกุล หรือที่เรียกว่า Molecular
Inflammation ซึ่งเป็นกระบวนการที่กระตุ้นให้
โคเลสเตอรอล มาก่อตัวเป็นคราบอุดตันหลอดเลือด
ได้ง่ายขึ้น นอกจากผลเสียต่อหัวใจแล้ว ยังมีการศึกษา
อีกมากถึงผลของไขมันทรานส์ต่อการเพิ่มความเสี่ยง
ของโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ แม้จะยังไม่มี
ข้อสรุปชัด แต่ก็มีแนวโน้มที่เป็นไปได้มากว่าไขมัน
ทรานส์อาจเป็นผู้ร้ายที่เกี่ยวเนื่องกับโรคเหล่านี้
นอกจากนี้ไขมันทรานส์ยังเป็นตัวการให้ร่างกาย
แก่ก่อนวัยอีกด้วย
ผลต่อระดับโคเลสเตอรอลในเลือด พบว่าไขมันทรานส์
นั้นทำร้ายหัวใจของเราถึงสามเด้ง หนึ่งคือ เพิ่ม
โคเลสเตอรอลตัวที่ไม่ดีหรือ LDL สองคือลดโคเลส-
เตอรอลตัวที่ดี หรือ HDL และสามคือ เพิ่มการ
อักเสบในระดับโมเลกุล หรือที่เรียกว่า Molecular
Inflammation ซึ่งเป็นกระบวนการที่กระตุ้นให้
โคเลสเตอรอล มาก่อตัวเป็นคราบอุดตันหลอดเลือด
ได้ง่ายขึ้น นอกจากผลเสียต่อหัวใจแล้ว ยังมีการศึกษา
อีกมากถึงผลของไขมันทรานส์ต่อการเพิ่มความเสี่ยง
ของโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ แม้จะยังไม่มี
ข้อสรุปชัด แต่ก็มีแนวโน้มที่เป็นไปได้มากว่าไขมัน
ทรานส์อาจเป็นผู้ร้ายที่เกี่ยวเนื่องกับโรคเหล่านี้
นอกจากนี้ไขมันทรานส์ยังเป็นตัวการให้ร่างกาย
แก่ก่อนวัยอีกด้วย
สำหรับวิธีการเลี่ยงไขมันทรานส์ในอาหารนั้น สามารถทำได้โดยเลี่ยงอาหารกลุ่มที่หมอได้กล่าว
ไปแล้วในตอนต้น และฝึกอ่านฉลากโภชนาการให้เป็นนิสัย โดยถ้าเป็นอาหารจากต่างประเทศ เช่น
สหรัฐอเมริกา จะมีกฏหมายบังคับให้ระบุปริมาณไขมันทรานส์ในอาหาร โดยควรเลือกที่มีไขมัน
ทรานส์เป็น 0 หรือ ไม่เกินกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค นอกจากนี้ ยังมีวิธีสังเกตโดยดู
จากส่วนประกอบ หากมีคำว่า ‘Partially Hydrogenated Oil’ ควรหลีกเลี่ยงทันที เพราะนั่นคือ
นามแฝงของเจ้าไขมันทรานส์ค่ะ
สรุปแล้วไขมันในอาหารนั้น มีทั้งไขมันดี ไขมันไม่ดี และไขมันที่ร้ายกาจที่สุด คือ เจ้าไขมันทรานส์
ตัวนี้ เมื่อคุณได้เข้าใจและรู้จักกับไขมันทรานส์แล้ว ต่อไปนี้อย่าลืมมองหาตัวผู้ร้ายในฉลาก
โภชนาการ และหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์แฝงตัวมานะคะ
ไปแล้วในตอนต้น และฝึกอ่านฉลากโภชนาการให้เป็นนิสัย โดยถ้าเป็นอาหารจากต่างประเทศ เช่น
สหรัฐอเมริกา จะมีกฏหมายบังคับให้ระบุปริมาณไขมันทรานส์ในอาหาร โดยควรเลือกที่มีไขมัน
ทรานส์เป็น 0 หรือ ไม่เกินกว่า 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค นอกจากนี้ ยังมีวิธีสังเกตโดยดู
จากส่วนประกอบ หากมีคำว่า ‘Partially Hydrogenated Oil’ ควรหลีกเลี่ยงทันที เพราะนั่นคือ
นามแฝงของเจ้าไขมันทรานส์ค่ะ
สรุปแล้วไขมันในอาหารนั้น มีทั้งไขมันดี ไขมันไม่ดี และไขมันที่ร้ายกาจที่สุด คือ เจ้าไขมันทรานส์
ตัวนี้ เมื่อคุณได้เข้าใจและรู้จักกับไขมันทรานส์แล้ว ต่อไปนี้อย่าลืมมองหาตัวผู้ร้ายในฉลาก
โภชนาการ และหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์แฝงตัวมานะคะ
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย