เด็กมีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ เมื่อลูกหวัดจึงเกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่ายและหายยากกว่า
ฮ๊าด..ชิ้ว! เสียงแบบนี้ เป็นสัญญาณเตือนว่าเจ้าตัวเล็กกำลังโดน เชื้อไวรัส เล่นงานเข้าซะแล้วค่ะ พ่อแม่ต้องดูแลลูกอย่างถูกวิธี เพื่อให้หายป่วยโดยเร็วที่สุด แต่เนื่องจาก ภูมิคุ้มกันของลูกไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ จึงอาจเกิดอาการแทรกซ้อนและใช้เวลารักษานานกว่านะคะ
โรคหวัดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีนับร้อย ๆ ชนิด และไม่มียาปฏิชีวนะใดมาฆ่าเชื้อไวรัสได้ ยาที่เรากินกันก็แค่ช่วยบรรเทาอาการเท่านั้นเองค่ะ เมื่อเจ้าตัวเล็กได้รับเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะมีภูมิต้านทานต่อต้านไวรัสชนิดนั้นได้เอง และการเป็นหวัดในครั้งต่อไปก็จะเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดอื่น ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งมีภูมิต้านทานมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พ่อแม่สามารถสร้างภูมิต้านทานให้ลูกได้และถ้าหากลูกเป็นหวัดแล้วพ่อแม่ก็ต้องรับมืออย่างถูกวิธีด้วยค่ะ
ไข้หวัด ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
เชื้อไวรัสจากโรคหวัดสามารถแพร่ถึงกันได้ง่ายดายเพียงแค่ไอ จาม ใช้ของร่วมกัน ถ้าช่วงไหนมีไข้หวัดระบาด ฤดูฝน ฤดูหนาว แล้วลูกบอกว่าเพื่อนที่โรงเรียนเป็นหวัด แม่ควรหาผ้าปิดปาก ปิดจมูก ให้ลูกใส่ไปโรงเรียนด้วยนะคะ หรือถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรให้หยุดอยู่บ้านชั่วคราว พยายามดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดจากเชื้อโรคอยู่เสมอ ไม่ควรพาลูกไปยังที่สาธารณะที่มีคนเยอะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สวนสนุก และหากพ่อแม่รู้ตัวว่ากำลังป่วยก็อย่าใกล้ชิดหรือสัมผัสกับลูกนะคะ นอกจากนี้ควรสร้างนิสัยให้ลูกหมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด ใช้ช้อนกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับเชื้อโรคจากผู้อื่น และควรเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วยอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว เป็นต้นค่ะ
วิธีดูแลลูกเมื่อเป็นหวัด
หากเจ้าตัวเล็กเริ่มมีอาการซึม ไม่อยากหม่ำอาหาร ตัวร้อน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวตามข้อพับต่าง ๆ เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย (ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำก๊อกธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัด หรือน้ำแข็ง) แล้วรีบพาไปหาหมอทันทีค่ะ ปรกติแล้วคุณหมอจะให้นอนพักผ่อนเยอะ ๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยเสริมภูมิต้านทานโรค และดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย และขับปัสสาววะ ถ้ามีเสมหะเหนียวต้องให้ดื่มน้ำอุ่นๆ อาจผสมน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อให้ชุ่มคอ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง แต่ในบางครั้งที่ลูกมีอาการแทรกซ้อนเช่น น้ำมูกไหล คันคอ ไอ จาม คัดจมูก ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ ปวดเมื่อย ฯลฯ คุณหมออาจใช้ยารักษาหรือบรรเทาอาการ ซึ่งหากดูแลอย่างถูกวิธีแล้วโรคหวัดจะหายภายใน 3-5 วัน แต่ทั้งนี้ต้องหมั่นสังเกตอาการ เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วยนะคะ เช่น ลูกถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ หรือถ่ายบ่อยกว่าปกติ อาจมีโรคท้องเสียแทรกซ้อน จึงควรให้ลูกกินอาหารอ่อน ๆ เพื่อให้ร่างกายย่อยและดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้เร็วขึ้น เช่น นมอุ่น ๆ โจ๊กที่ไม่ข้นมาก ข้าวต้มใส่เนื้อสัตว์บดละเอียด หรืออาหารเสริมจากธัญพืช ที่มีเนื้ออาหารเนียนนุ่ม ย่อยง่าย รสไม่จัด หรือชงผงเกลือแร่กับน้ำอุ่นให้จิบบ่อย ๆ ค่ะ ถ้าลูกหายใจไม่สะดวก อาจหยดยาดมยูคาลิปตัสลงบนผ้าเช็ดหน้า วางไว้ใกล้ ๆ หมอน เพื่อช่วยบรรเทาอาการ และถ้ามีน้ำมูก ให้ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือค่ะ
สุดท้าย อย่าลืมว่าช่วงที่ลูกไม่สบาย พ่อแม่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะเด็กจะงอแง หงุดหงิดง่าย ต้องคอยเล่นและปลอบโยนเขาอยู่ใกล้ ๆ ตลอด เพื่อจะได้หายป่วยเร็วขึ้น และกลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์อีกครั้งนะคะ