Sort by
Sort by

เอาชนะน้ำหนักด้วย “กำลังใจ”

เอาชนะน้ำหนักด้วย “กำลังใจ”
เวลาว่างของใครหลายคนอาจเป็นช่วงเวลาที่ใช้ไปกับความบันเทิงแสนสุขส่วนตัว แต่สำหรับ ปริญญ์ กีรติรัตนลักษณ์ กลับเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง นั่นคือ “การลดน้ำหนัก” ซึ่งดูจะเป็นเรื่องแสนเข็ญสำหรับคนทั่วไป ทางออกยอดฮิตจึงหันไปพึ่งยาลดความอ้วน แต่หนุ่มปริญญ์เขาเอาชนะใจตัวเองได้อย่างงดงาม เพียงแค่ “กำลังใจล้วนๆ” ก็ลดน้ำหนักลงได้ครึ่งหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆ !!

ปริญญ์ เป็นทั้งผู้กำกับหนังและนักเขียนบทรุ่นใหม่วัย 30 ผู้ก่อตั้งบริษัท กำลังดีบางกอก จำกัด มีผลงานมากมายทั้งภาพยนตร์และมิวสิควิดิโอ ที่คุ้นเคยกันดี เช่น ละครบันทึกกรรม ทางโทรทัศน์ช่อง 3 และรายการสยามศิลปิน ทางไทย PBS ฯลฯ ด้วยลักษณะงานที่ทำจึงเปิดโอกาสให้ความอ้วนมาเยือน

ผมโทษสภาพการทำงานก่อนเลยครับ กิน นอน ไม่เป็นเวลา แถมยังไม่มีเวลาออกกำลังกาย เลยติดนิสัยกินง่ายๆ เน้นโทรสั่งฟาสต์ฟูด เผลอแป๊บเดียว ระเบิด!”  ปริญญ์สูง 174 ซม. เคยมีน้ำหนักตัวสูงสุดถึง 150 กก. แต่สามารถลดลงมาเรื่อยๆ กระทั่งวันนี้จึงรักษาน้ำหนักตัวไว้ได้ที่ 72-80 กก. แล้วอะไรที่ทำให้ปริญญ์มุ่งมั่นลดน้ำหนักจนสำเร็จ ?

“แรงบันดาลใจของผมง่ายมากครับ คือ กลัวตาย ! ตอนอ้วนมากๆ อึดอัดตัวเอง เคลื่อนตัวช้า เจ็บคอมากเพราะนอนกรนทุกคืน มีอยู่คืนหนึ่งตื่นขึ้นมาเพราะหายใจไม่ออก ทรมานจนน้ำตาไหล เลยกลัวตายขึ้นมา บอกตัวเองว่าปล่อยไว้อย่างนี้ไม่น่าจะรอด เลยฮึดได้ก๊อกแรกทำให้ลดน้ำหนักได้ 2-3 กก. หลังจากนั้นพอทำได้ก็ได้ใจ อยากทำอีกเรื่อยๆ ท้าทายตัวเองจนกลายเป็นเรื่องสนุก แนวคิดก็ง่ายๆ ครับคือ เอาพลังงานออกให้มากกว่าที่เอาเข้า ผมเลยใช้วิธีลดอาหาร กินแค่วันละ 2 มื้อ บางวันมื้อเดียว กินให้จบแค่ก่อนเที่ยง แต่กินทุกอย่างที่อยากกิน โชคดีที่ไม่ชอบดื่มเหล้า เบียร์หรือน้ำอัดลมที่เหลือออกกำลังกาย พยายามหาเรื่องออกแรงให้มากที่สุดก็เลยเลิกขับรถซะแล้วเดินขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน วันละ 10 กม. ไป-กลับ เริ่มเดินจากบ้านที่เจริญนครไปขึ้นรถไฟฟ้ากรุงธนบุรีบ้าง สะพานตากสินบ้าง (ถ้าไปสะพานตากสินจะได้เดินข้ามสะพาน วิวสวยดี) จากนั้นก็ลงรถไฟฟ้าที่เอกมัย เดินเข้าซอยไปที่ทำงานตั้งอยู่กลางซอยเอกมัย บางครั้งก็เข้าฟิตเนสบ้าง วิ่งเครื่องวิ่งที่บ้านบ้าง แต่เดินเป็นหลักก็ค่อยๆลดได้สัปดาห์ละ 1 กก. โดยเฉลี่ย


การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ฟังดูง่ายๆ แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็ไม่ง่ายเลย “วันแรกๆ นี่จะตายครับ เดินแล้วทรมานมาก ร้อน เหงื่อแตกท่วม หน้ามันเยิ้ม เหม็นควันรถ ก็ท้อบ้าง แต่ต้องอดทนและเอาวิธีคิดแบบพุทธเข้าข่มใจ โดยลดความคิดที่มีผลลง คิดแค่ก้าวต่อไป สมาธิจดจ่ออยู่ที่ก้าว ต่อก้าว ต่อก้าว ไปเรื่อยๆ อย่างอื่นมันจะค่อยๆ ละลายไปเอง สุดท้ายก็เหลือแค่ตัวเรากับทางที่เรากำลังเดินอยู่ก็เท่านั้นเอง หลังจากที่คิดแบบนี้ได้ก็เดินสบาย เหนื่อย แต่ไม่ทรมาน เพราะเหนื่อยมันคือสังขาร เรามีร่างเป็นเนื้อหนังก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว แต่ทรมานเป็นเรื่องของจิตใจ ซึ่งเราควบคุมได้ด้วยสมาธิ แล้วผมก็ใช้วิธีถ่ายรูปตัวเองไว้ทุกเดือน เก็บเอาไว้ดู พอรู้สึกท้อก็กลับไปดูภาพเก่าๆ จะเห็นเลยว่าเราทำได้แค่ไหน แล้วก็จะมีกำลังใจกลับมาทุกที”

หลังจากที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เพียงปีเศษๆ ปริญญ์ ก็ได้คุณภาพชีวิตคืนมาอีกครั้ง “รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น คล่องตัว เคลื่อนไหวตัวได้อย่างใจ นอนหลับได้ลึกขึ้นกว่าเดิม ตื่นแล้วสดใส ไม่เพลีย เพราะไม่กรน ระบบหายใจดีขึ้น เสื้อผ้าก็มีให้เลือกใส่มากขึ้น ชีวิตมีสีสันมากขึ้นครับ” ต้องยอมรับว่าความสำเร็จนี้มาจากใจล้วนๆ เวลาว่างของหนุ่มปริญญ์จึงคับไปด้วยการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าเพื่อคืนคุณภาพชีวิตให้กับตนเอง เขาจึงไม่สงวนลิขสิทธิ์ที่ใครจะลองทำตามดู แถมให้กำลังใจทิ้งท้ายไว้ตรงนี้อีกด้วย

“การลดน้ำหนักไม่ยากเลยครับ ถ้าคุณเอาชนะความคิดของตัวเองได้ ขั้นแรกที่ต้องทำให้ได้ คือ เลิกคิดอย่างคนอ้วน อย่าขี้เกียจ อย่าเหนื่อยง่าย อย่าอายที่จะออกไปข้างนอก แต่ต้องทำตัวเองให้กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา มีกิจกรรมให้ทำ พลังงานในร่างกายก็จะถูกเผาไป อย่าพึ่งพวกสารเคมีเลยครับ วิธีธรรมชาติถึงจะช้าหน่อยแต่ได้อรรถรสมากกว่า ได้เรียนรู้ที่จะเอาชนะใจตัวเอง ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ถือว่าได้รับผลข้างเคียงที่ดีกว่าการกินยาเป็นไหนๆ ”