Sort by
Sort by

เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความเครียด

เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความเครียด
ไม่ว่าคุณกำลังเครียดกับอะไร งาน ครอบครัว หรือความรัก เราอยากแนะนำให้คุณ ‘ปล่อยวาง’ เสีย เพราะเก็บไว้กับตัวก็มีแต่จะส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ

การเก็บเอาความเครียดไว้กับตัวนั้นจะว่าไปก็เป็นเรื่องที่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ขนาดเวลาเพื่อนๆ หรือคนรู้จักไม่สบายใจมาขอคำแนะนำ คำติดปากของเราก็คือ “อย่าคิดมาก” ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเวลาเจอกับตัวเอง เราถึงพบว่าแก้ไขได้ยากเหลือเกินล่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้เราจะเข้าใจว่าความเครียดเป็นเรื่องที่ปล่อยวางได้ยาก แต่เราก็ไม่อยากให้คุณเก็บมันเอาไว้นานนัก เพราะนอกจากจะส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัวแล้ว ยังทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมอีกด้วย ยิ่งเครียดร่างกายก็ยิ่งแย่ บางคนอาจแค่ปวดหัวเล็กๆ น้อยๆ แต่บางคนก็อาจเจอปัญหาใหญ่อย่างโรคหัวใจหรือโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตได้ด้วย

โรคหัวใจ

ถ้าหากคุณเก็บเอาความเครียดไว้ไม่ยอมผ่อนคลาย ผลลัพธ์ย่อมตกกับร่างกายอย่างแน่นอน ยิ่งเก็บความเครียดไว้นานเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งเหนื่อยล้า ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจ การศึกษาที่สหรัฐฯ พบว่าเวลาที่คนเราเครียด อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตจะเพิ่มสูงขึ้น และยิ่งคุณตกอยู่ในสถานการณ์นั้นนานมากเท่าไหร่ อัตราเสี่ยงของหลอดเลือดอุดตัน และอาการหัวใจวายก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีเวลาเครียด แสดงอารมณ์ออกมาเลยดีกว่า อาจจะผ่อนคลายได้มากกว่าเก็บเอาไว้ในใจ หรือหันไปทำอะไรอย่างอื่นที่ทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

อาการป่วยทางจิต

ร่างกายของแต่ละคนอดทนกับความเครียดได้ไม่เท่ากัน ยิ่งถ้าคุณเอาแต่คิดวนไปวนมาซ้ำๆ ก็ยิ่งทำให้เครียดมากขึ้น ประสาทก็จะยิ่งตึงเขม็ง นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน ดร. ไมเคิล ลินเด็น ระบุว่าคนที่ยึดติดกับอารมณ์ไม่ยอมปล่อยวาง เครียดมากๆ จะมีปัญหาการเกิดอาการของโรคที่เรียกย่อๆ ว่า PTED หรือ Post-Traumatic Embitterment Disorder อาการคือรู้สึกผิด หดหู่ ไม่สบายใจ ไม่มั่นใจในตัวเอง และรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับตัวเอง เป็นความอคติที่แก้ไขไม่ได้

ความสัมพันธ์ถูกทำลาย

โดยเฉพาะสำหรับคู่สมรส การเก็บเอาความเครียดไว้ในใจนานๆ จะก่อให้เกิดปัญหาระยะยาว เมื่อคุณเครียด ก็จะเกิดความไม่ไว้วางใจ ไม่เคารพกันและกัน เจ็บปวด สับสน และยิ่งมีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เก็บเอาความเครียดนี้ไว้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นผู้ถูกกระทำ ฝ่ายนั้นจะยิ่งเจ็บปวด ไม่สบายใจ และหงุดหงิดหาทางออกไม่ได้ หลายครั้งเวลาทะเลาะกัน ทางแก้ของคนส่วนใหญ่ก็คือ ช่างมันเถอะ ปล่อยไปก่อน มันก็ใช้ได้ผลกับกรณีง่ายๆ แต่ถ้าเรื่องที่ละเอียดอ่อนและจริงจัง บางทีก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่รู้จักให้อภัยกันและกัน แต่เก็บเอาความเครียดนั้นไว้รอระเบิดออกในครั้งต่อๆ ไป ดังนั้น ทางที่ดีอย่าเครียดมากนักจะดีกว่า

เรียนรู้ที่จะปล่อยวางให้ได้

การเก็บความเครียดเอาไว้ก็เหมือนเสียพื้นที่สมองโดยเปล่าประโยชน์ แทนที่จะเอาพื้นที่ส่วนนั้นไปคิดเรื่องอื่น คุณกลับต้องมานั่งคิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะว่าไปแล้วมันคือการเสียเวลาไปเปล่าๆ และการที่คุณคิดก็เป็นเรื่องของคุณฝ่ายเดียว อีกฝ่ายไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ว่าคุณจะโมโหหรือโกรธแค่ไหน อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอะไรไปกับคุณเลย
ถ้าหากโกรธ ไม่สบายใจ ไม่พอใจ แนะนำให้ทำสิ่งที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สำหรับบางคน อาจเป็นการพูดออกมา หาคนที่ไว้ใจได้สักคนแล้วระบายออกมาให้หมด ส่วนกับบางคนที่ไม่ชอบพูด ก็อาจเปลี่ยนเป็นหาขนมอร่อยๆ กิน เช่น กินช็อกโกแลตสักชิ้น จะได้สบายใจขึ้น หรืออาจไปออกกำลังกาย ซื้อของ ทำอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้คุณลืมเรื่องเก่าๆ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคิดถึงภาพรวมของปัญหา และถามตัวเองให้ชัดว่าเราทำอะไรลงไป และการกระทำของคุณส่งผลอย่างไรกับสถานการณ์นั้นๆ บ้าง คุณควรรู้จักให้อภัยทั้งคนอื่นและตัวเอง อย่าคิดลบ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเลวร้ายมีบทบาทเหนือคุณเป็นอันขาด

เคล็ดลับปลดปล่อยความเครียด

1. คุยกับเพื่อนหรือคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ
2. รับฟังมุมมองของคนอื่นอย่างเป็นกลาง
3. เข้าใจว่าเครียดไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเครียดแล้วแก้ไขไม่ได้ เลิกเครียดดีกว่า
4. จำไว้ว่าโทษตัวเองไป สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นหรอก
5. หาขนมอร่อยๆ กิน เช่น ช็อกโกแลตจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ ดื่มนมอุ่นๆ ตามสักนิด น้ำเปล่าสักหน่อย แล้วนอนพัก ตื่นมาจะได้สบายใจ