ตอนเช้าเป็นเวลาที่เร่งรีบของทั้งคุณแม่และคุณลูก ไหนจะต้องอาบน้ำ แต่งตัวเตรียมข้าวของไปโรงเรียน แล้วยังต้องมานั่งเตรียมและกินอาหารเช้าอีก ด้วยกิจวัตรที่มากมายขนาดนี้อาจจะทำให้เด็กๆ รู้สึกไม่ปลื้มอาหารเช้าก็เป็นได้ แต่มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายที่สุด ดังนั้น เรามีคำแนะนำดีๆ ที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กไม่รู้สึกว่าอาหารเช้าเป็นภาระสำหรับเขามาบอกคุณแม่กัน
1. ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ปัญหาที่เด็กๆ ไม่ชอบกินมื้อเช้านั่นก็เพราะเวลาที่เร่งรีบจนเกินไป อาจจะไม่ใช่เฉพาะตัวคุณลูกอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเป็นไปด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาควรจะเริ่มจากการเข้านอนให้เร็วขึ้นและตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าเวลาเดิมสัก 15-20 นาที เพื่อให้เด็กๆ มีเวลาอาบน้ำ แต่งตัวแบบสบายๆ ไม่รู้สึกรีบร้อนจนเกินไป ที่สำคัญจะได้มีเวลานั่งกินอาหารเช้าพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวด้วย
2. สังเกตอาหารที่จัดให้ลูกกินทุกๆ เช้า เพราะเด็กแต่ละคนมีความชอบต่างกัน บางคนก็ชอบซีเรียลอบกรอบพร้อมนมและผลไม้ แต่บางคนก็อาจจะชอบกินข้าวกับกับข้าว ที่สำคัญเด็กๆ มักอยากกินอาหารเหมือนที่ผู้ใหญ่กิน ดังนั้น ก่อนเข้านอนลองถามลูกดูว่า "หนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษตอนเช้ามั้ยลูก" ถ้าเกิดลูกยังไม่เลือกหรือเลือกไม่ได้สักที คุณควรเสนอตัวเลือกให้เลย โดยสังเกตจากพฤติกรรมการกินของเขานั่นแหละว่าเขาชอบกินอะไรเป็นพิเศษ
3. เตรียมอาหารเพื่อสุขภาพแบบอีซี่ๆ อาหารเช้าประเภทธัญพืชอบกรอบหรือซีเรียลมักจะได้รับความนิยมจากหลายๆ ครอบครัว เพราะ ง่าย สะดวก และรวดเร็ว และเด็กๆ ส่วนใหญ่ถูกใจในรสชาติ แต่เพื่อประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นควรกินกับนม หรือเติมผลไม้ลงไปด้วย และควรเลือกซื้อซีเรียลที่ทำมาจากโฮลเกรน และหวานน้อย หรือถ้าตัวซีเรียลมีรสหวานอยู่แล้วก็ควรให้เด็กๆ กินกับนมรสจืดและผลไม้รสเปรี้ยวจะได้ไม่ทำให้ลูกกินหวานจนเกินไป
4. ให้ลูกได้ลองกินอาหารหลากหลายรสชาติ อย่าเพิ่งคิดไปเองว่าลูกคงไม่ชอบกินแบบนั้นแบบนี้ ของแบบนี้ต้องให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เริ่มต้นด้วยการพาลูกเข้าครัวแล้วให้เขารู้จักส่วนผสมหรือผักผลไม้ประเภทต่างๆ แล้วชี้ชวนให้เขาลองชิม จากนั้นก็ช่วยกันครีเอทเมนู ทำเรื่องการกินให้เป็นเรื่องสนุก แล้วเด็กๆ ก็จะยอมเปิดปากกินอาหารฝีมือตัวเองแน่นอนค่ะ เพราะการพาลูกเข้าครัวนั้นเปลี่ยนใจเด็กกินยากมาหลายต่อหลายคนแล้ว ลองดูค่ะ
นอกจากอาหารเช้าแล้วลองเตรียมเครื่องดื่มรสชาติอร่อยที่ลูกๆ ชื่นชอบ เช่น เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่มีส่วนผสมของนมผง เพื่อให้ลูกได้ทั้งสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ อย่างเช่น วิตามินบี แคลเซียม และพลังงานเพียงพอในการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวัน
1. ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ปัญหาที่เด็กๆ ไม่ชอบกินมื้อเช้านั่นก็เพราะเวลาที่เร่งรีบจนเกินไป อาจจะไม่ใช่เฉพาะตัวคุณลูกอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะเป็นไปด้วย ดังนั้นการแก้ปัญหาควรจะเริ่มจากการเข้านอนให้เร็วขึ้นและตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าเวลาเดิมสัก 15-20 นาที เพื่อให้เด็กๆ มีเวลาอาบน้ำ แต่งตัวแบบสบายๆ ไม่รู้สึกรีบร้อนจนเกินไป ที่สำคัญจะได้มีเวลานั่งกินอาหารเช้าพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวด้วย
2. สังเกตอาหารที่จัดให้ลูกกินทุกๆ เช้า เพราะเด็กแต่ละคนมีความชอบต่างกัน บางคนก็ชอบซีเรียลอบกรอบพร้อมนมและผลไม้ แต่บางคนก็อาจจะชอบกินข้าวกับกับข้าว ที่สำคัญเด็กๆ มักอยากกินอาหารเหมือนที่ผู้ใหญ่กิน ดังนั้น ก่อนเข้านอนลองถามลูกดูว่า "หนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษตอนเช้ามั้ยลูก" ถ้าเกิดลูกยังไม่เลือกหรือเลือกไม่ได้สักที คุณควรเสนอตัวเลือกให้เลย โดยสังเกตจากพฤติกรรมการกินของเขานั่นแหละว่าเขาชอบกินอะไรเป็นพิเศษ
3. เตรียมอาหารเพื่อสุขภาพแบบอีซี่ๆ อาหารเช้าประเภทธัญพืชอบกรอบหรือซีเรียลมักจะได้รับความนิยมจากหลายๆ ครอบครัว เพราะ ง่าย สะดวก และรวดเร็ว และเด็กๆ ส่วนใหญ่ถูกใจในรสชาติ แต่เพื่อประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นควรกินกับนม หรือเติมผลไม้ลงไปด้วย และควรเลือกซื้อซีเรียลที่ทำมาจากโฮลเกรน และหวานน้อย หรือถ้าตัวซีเรียลมีรสหวานอยู่แล้วก็ควรให้เด็กๆ กินกับนมรสจืดและผลไม้รสเปรี้ยวจะได้ไม่ทำให้ลูกกินหวานจนเกินไป
4. ให้ลูกได้ลองกินอาหารหลากหลายรสชาติ อย่าเพิ่งคิดไปเองว่าลูกคงไม่ชอบกินแบบนั้นแบบนี้ ของแบบนี้ต้องให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เริ่มต้นด้วยการพาลูกเข้าครัวแล้วให้เขารู้จักส่วนผสมหรือผักผลไม้ประเภทต่างๆ แล้วชี้ชวนให้เขาลองชิม จากนั้นก็ช่วยกันครีเอทเมนู ทำเรื่องการกินให้เป็นเรื่องสนุก แล้วเด็กๆ ก็จะยอมเปิดปากกินอาหารฝีมือตัวเองแน่นอนค่ะ เพราะการพาลูกเข้าครัวนั้นเปลี่ยนใจเด็กกินยากมาหลายต่อหลายคนแล้ว ลองดูค่ะ
นอกจากอาหารเช้าแล้วลองเตรียมเครื่องดื่มรสชาติอร่อยที่ลูกๆ ชื่นชอบ เช่น เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่มีส่วนผสมของนมผง เพื่อให้ลูกได้ทั้งสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ อย่างเช่น วิตามินบี แคลเซียม และพลังงานเพียงพอในการทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวัน