Sort by
Sort by

คนรักงานดูแลตัวเองแบบนี้ เฮลท์ตี้ลุยได้ทุกงาน

คนรักงานดูแลตัวเองแบบนี้ เฮลท์ตี้ลุยได้ทุกงาน
เวลาแต่ละวันของเหล่าคนทำงาน มักหมดไปกับการที่ต้องตื่นเช้ารีบทำงาน จดจ่อกับงานตลอดวันเฉลี่ย 8 – 9 ชั่วโมง บางวันต้องเคลียร์งานต่อจนดึก แน่นอนว่าการตั้งใจทำงานย่อมดีทั้งกับตนเองและคนในครอบครัว เพราะนั่นหมายถึงความภูมิใจและรายได้ที่จะทำให้คุณและครอบครัวมีความมั่นคง แต่บางครั้งคุณอาจโฟกัสกับงานมากเกินไป จนลืมที่จะดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจให้กับตัวเอง

โดยเฉพาะช่วงนี้ที่หลายคนต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ยิ่งต้องจัดสรรเวลางานกับเวลาส่วนตัวให้ชัดเจน และต้องใส่ใจสุขภาพของตัวเองให้มากกว่าเดิม เริ่มต้นที่สิ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานและเพิ่มพลังให้จิตใจเบิกบานได้ทั้งวัน เราจึงมีเคล็ดลับง่าย ๆ ให้คนรักงานดูแลสุขภาพ โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์ไตล์คนทำงานแบบคุณ

1. อ.อาหาร สุขภาพดี เริ่มต้นที่การเลือก
You are what you eat กินอะไรก็ได้แบบนั้น จัดเป็นประโยคคลาสสิก แต่เหล่าพนักงานออฟฟิศหรือคนที่ทำงานหนักก็ยังติดนิสัยกินอาหารแนวฟาสต์ฟู้ดเพราะสะดวกและรวดเร็ว พร้อมเคลียร์งานกองโตต่อได้ด่วน ๆ การเลือกอาหารจึงไม่ได้ใส่ใจถึงคุณค่าของอาหารเท่ากับความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ดังนั้นมาดูเทคนิค กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ แม้อยู่ในโหมดทำงานกันเถอะ

อาหารดี
• กินมื้อเช้าภายใน 1 ชม. หลังตื่น เติมพลังเต็มที่ได้ยิ่งกว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ และจะยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นหากเรากินอาหารเช้าอย่างถูกเวลา ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินอาหารเช้า คือ

- กินหลังจากตื่นนอนไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะอาหาร จะช่วยกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร และดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี โดยช่วงเวลาที่เพอร์เฟคสุด ๆสำหรับมื้อเช้า คือ 07:00 – 09:00 โมงเช้า และเมื่อร่างกายและสมองได้รับสารอาหารและเติมพลังงานได้อย่างเต็มที่ ก็จะทำให้เราสามารถไปลุยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- พลังงานจากสารอาหารคุณภาพ ควรเลือกอาหารเช้าที่เต็มไปด้วยพลังงานจาก ข้าว แป้ง และโปรตีนไม่ติดมัน เพื่อช่วยกระตุ้นให้รู้สึกกระฉับกระเฉง เช่น เมนูไข่ทั้งหลาย ทานคู่กับขนมปังโฮลวีต ที่ทำเองง่าย ๆ ได้ประโยชน์จากสารอาหาร และยิ่งกินคู่กับกาแฟสำเร็จรูปผสมกาแฟคั่วบดละเอียด หอมกรุ่นสักแก้ว ชงสะดวก ยิ่งทำให้ร่างกายและสมองกระปรี้กระเปร่า พร้อมเริ่มต้นทำงานแน่นอน
• อาหารด่วน ก็ต้องครบ 5 หมู่ แม้จะต้องทานอาหารจานเดียวหรือข้าวกล่อง ควรคำนึงและเช็กดูสักนิดว่า อาหารที่ทานครบ 5 หมู่หรือไม่ แนะนำทานให้ครบ แต่เน้นไปที่โปรตีนและผักผลไม้ เพราะช่วยสร้างกล้ามเนื้อและมีวิตามินมาก เหมาะกับวันทำงานที่อ่อนล้า ควรลดแป้ง น้ำตาล และไขมัน เนื่องจากวันทำงานคุณต้องนั่งที่โต๊ะทำงานนาน ๆ ไม่ค่อยได้ขยับร่างกายมาก แป้ง ตาล และไขมันส่วนเกินจะกลายเป็นพุงน้อย ๆ ได้ง่าย
• ปลุกพลังยามบ่ายด้วยกาแฟแก้วโปรด กาแฟถือเป็นเพื่อนคู่ใจของวัยทำงานเลยก็ว่าได้ เพราะคาเฟอีน นอกจากช่วยทำให้เราสดชื่น กระปรี้กระเปร่าแล้ว ความหอมกรุ่นของกาแฟ ยังทำให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดได้อีกด้วย และเพื่อสุขภาพที่ดีแนะนำให้ดื่มเป็นกาแฟสูตรปราศจากน้ำตาล หรือสูตรน้ำตาลน้อย สำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟ บอกเลยว่า ชา หรือมอลต์ ก็เป็นทางเลือกที่เติมความสดชื่นยามบ่ายได้เช่นกัน
อาหาร5หมู่
• ของว่างบำรุงสมอง กินเพลิน งานเดินเร็ว ระหว่างวันทำงาน อาจมีความอ่อนเพลีย เมื่อยล้า งานไม่เดิน ชาวออฟฟิศจึงต้องมีของขบเคี้ยวสำหรับทานเล่นกันบ้าง แต่เพื่อสุขภาพที่ดี แนะนำให้หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยวที่ผ่านการทอด และขนมหวานหรือเบเกอรีที่มีประมาณแป้งและน้ำตาลสูง ควรเลือกเป็นของทานเล่นที่มีปริมาณแคลอรีน้อย ๆ และช่วยบำรุงสมอง และสายตาได้ดี เช่น พืชตระกูลถั่ว อย่างอัลมอนด์ และแมคคาเดเมีย หรือของว่างพวกโกโก้ หรือ ดาร์กช็อกโกแลต เพราะมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยคลายเครียดและลดฮอร์โมนความเครียดให้จิตใจแจ่มใสขึ้นได้ ถ้าคิดจะพักเมื่อไหร่ ลองกินช็อกโกแลตนมสอดไส้เวเฟอร์เคี้ยวระหว่างคิดงานเพลิน ๆ ก่อนเริ่มทำงานต่อ

2. อ. ออกกำลังกาย อยู่ออฟฟิศ ก็ฟิตได้ อย่าให้เวลามาเป็นข้อจำกัดในการออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายไม่ได้จำกัดอยู่ที่สนามกีฬา ยิม หรือฟิตเนสเท่านั้น ให้จำไว้เสมอว่าแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว ดังนั้นจงปรับชีวิตประจำวันให้แอคทีฟมากขึ้น ขยับร่างกายให้มากขึ้น ด้วย Office Exercise ฟิตได้แม้ไม่มีเวลา ทำง่าย ๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
ออกกำลังกาย
• ประชุมยาวจนเส้นยึด ต้องลุกมายืดวันละ 20 นาที เพราะต้องนั่งหน้าคอมทำงานทั้งวัน หรือไม่ก็ต้องประชุม ออนไลน์ ที่ใช้สายตาหนัก ๆ จนล้า ปวดกระบอกตา และการนั่งท่าเดิมนาน ๆ ยังทำให้ปวดคอบ่าไหล่ และหลัง เราจึงมีเคล็ดลับแค่ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดกันสักวันละ 15-20 นาที ก็ช่วยให้อาการปวดตึงกล้ามเนื้อลดลงได้

- ตั้งนาฬิกาปลุก บอกลาออฟฟิศซินโดรม ข้อนี้ไม่ได้เป็นการอู้งานแต่ถือเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายจากการทำงานนาน ๆ โดยตั้งนาฬิกาปลุกเตือนให้ลุกมายืดเส้นยืดสายทุก 1 ชั่วโมง ควรลุกจากเก้าอี้และเดินยืดเส้นยืดสายสัก 1 - 2 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือด การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองให้สดชื่น และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นด้วย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเปล่า ควรหากิจกรรมทำด้วย เช่น ลุกไปถ่ายเอกสาร ไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปหยิบน้ำมาดื่ม เป็นต้น
- ท่ายืดเหยียด โดยยีนขึ้นแล้วยืดแขนเหยียดไปข้างหน้าหรือเหยียดไปข้างหลัง จะช่วยเรื่องกล้ามเนื้อหัวไหล่และแขนได้ดี หรือการก้มแตะปลายเท้า ก็ช่วยได้ดีในเรื่องของแผ่นหลัง เพียงทำท่าทางเหล่านี้ วนไปท่าละ 3 - 5 ครั้ง ค้างไว้ท่าละ 5 – 15 วินาที ก็สามารถช่วยลดอาการปวดจากการนั่งทำงานได้ เข้าไปดูท่านั่งทำงานที่บ้านยังไง? ให้ไม่ปวดหลัง คลิก
- จิบดื่มน้ำเปล่า เพราะกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายจะประกอบไปด้วยกระดูกอ่อนซึ่งมีหน้าที่ในการรับแรงกระแทก โดยมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 80% ดังนั้นควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5 ลิตรเป็นอย่างน้อย เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป โดยสามารถนำขวดน้ำ 1.5 ลิตร มาตั้งไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อหยิบดื่มโดยอัตโนมัติ นอกจากช่วยเพิ่มน้ำในร่างกายและข้อต่อ ช่วยรักษาความสมดุลภายในร่างกาย และทำให้สมองรู้สึกสดชื่น สมองก็ปลอดโปร่งพร้อมทำงานได้ตลอดทั้งวัน
• สร้างหุ่นฟิตด้วยการเดินขึ้นบันได หากอาศัยอยู่ในตึกหรืออาคารสูง ลองบอกลาลิฟต์และเดินขึ้นบันไดแทน นอกจากจะเป็นการช่วย ‘เบิร์นไขมัน’ ช่วยเร่งการเผาผลาญ ยังเป็นการ ‘กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ’ ช่วยให้เลือดสูบฉีดได้ดี ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อีกทั้ง การก้าวขึ้นบันไดยังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อช่วงต้นขา สะโพก และน่อง ทำให้มีความกระชับ แถมการเดินขึ้นบันได 15 นาที ยังช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เฉลี่ยถึง 150 กิโลแคลอรีเลยทีเดียวนะ

3. อ.อารมณ์ แจ่มใส งานไหน ๆ ก็ผ่านฉลุย
จุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ เริ่มต้นจากการที่เรามีสุขภาพจิตและอารมณ์ที่ดี ดังนั้นจริงอยู่ที่การทำงานมักจะมีความเครียด และความกดดัน เราจึงขอแนะนำวิธีคลายเครียด เสริมสุขภาพจิตให้แจ่มใส แม้อยู่ในออฟฟิศมาบอกกัน
• พักดูต้นไม้ 40 วิ หายหงุดหงิด ผ่อนคลายสมอง เชื่อไหมว่าเพียงดูต้นไม้ หรือรูปต้นไม้แค่ 40 วินาที ก็สามารถช่วยให้สมองของเราผ่อนคลายได้แล้ว โดยมีงานวิจัยพบว่าการที่เรานั่งทำงานหน้าจอหรือโฟกัสอะไรเป็นเวลานาน ๆ สมองเราจะจดจ่ออย่างมากในการประมวลผล ทำให้เกิดเป็นความเครียดสะสมและความเหนื่อยล้า ซึ่งธรรมชาติจะช่วยฟื้นฟูได้ เพราะธรรมชาติส่วนใหญ่จะช่วยดึงดูดความสนใจของเราในแง่ของความรื่นรมย์ ทำให้สภาพจิตใจของเราได้พักผ่อนในชั่วขณะ อาจจะแค่จัดโต๊ะใหม่เล็กน้อย โดยการหาต้นไม้ไซส์จิ๋วหรือรูปภาพต้นไม้ มาวางที่โต๊ะเพิ่มพื้นที่สีเขียวง่าย ๆ หันมาจ้องมองบ้างเป็นครั้งคราวแค่ 40 วินาทีก็สามารถให้สมองผ่อนคลายและแฮปปี้ขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว
อารมณ์ดี

• แบ่งเวลาให้ชัดเจน ใครที่ต้องทำงานที่บ้าน (Wok From Home) ในช่วงนี้ ต้องจัดสรรเวลาของกิจวัตรประจำวันให้ชัดเจน เพื่อบาลานซ์เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้พอดี เช่น กำหนดเวลากินอาหาร 3 มื้อ และต้องกินให้ตรงเวลา ต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญงานแต่ละชิ้น โดยหลังจากหมดเวลาการทำงานในแต่ละวันแล้ว หากไม่ใช่เรื่องงานเร่งด่วนควรงดตอบอีเมลหรือแชต หรือรู้จักพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเมื่อต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่วงเวลาที่มีคุณค่ากับครอบครัวหรือคนที่รักมากขึ้น และได้เอนจอยกับกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบทำ ช่วยลดความเครียดให้สมองได้พักผ่อนคลายลงสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุก ๆ วัน
• อุปสรรคคือความท้าทาย เมื่อต้องเจอกับโปรเจกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย งานมีปัญหาพาเครียด หรือแรงกัดดันจากหัวหน้า ขอให้คิดบวก และมองว่าอุปสรรคเหล่านี้คือ ความท้าทายของชีวิตที่เราต้องผ่านไปให้ได้ เพื่อที่จะเติบโตและเก่งขึ้นไปอีก และรู้จักชื่นชมตนเอง เมื่อทำงานสำเร็จ นอกจากหัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานที่กล่าวคำชื่นชมตัวคุณแล้ว คุณควรรู้จักชื่นชมตัวเองด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจในการทำงานให้กับตัวเราเอง
• เสียงเพลงผ่อนคลาย จิตใจสบายยามทำงาน เมื่อต้องนั่งทำงานนาน ๆ หรือปั่นงานกองโตความเครียดอาจมาเบียดเบียดเราได้ ดังนั้นลองเปิดเพลงฟังขณะทำงานดูสิ เสียงเพลงที่คลอเบา ๆ สามาถทำให้สมองผ่อนคลายจากความเครียดได้ แนะนำเป็นเพลงคลาสสิก ที่เน้นดนตรีบรรเลง เพราะเพลงประเภทนี้จะช่วยปรับระดับความถี่คลื่นสมองของเรา และช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย

เคล็ดลับที่นำมาฝากทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์ที่สุดหากคนที่รักงานนำไปลงมือทำจริง ในแบบฉบับ #3อMEสไตล์ ได้อย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตประจำวัน รักงานแล้วแต่ต้องไม่ลืมรักตัวเองด้วย ถ้าอยากมีสุขภาพดี เริ่มลงมือทำได้ง่าย ๆ โดยที่คุณยังแฮปปี้พร้อมกับบาลานซ์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคุณเหมือนเดิมด้วยพื้นฐานแนวทาง 3อ. คือ อาหารที่มีประโยชน์ อ.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ อ.อารมณ์แจ่มใส เพียงเท่านี้คนรักงานแบบคุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีและทำงานที่รักได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

3อ.มีสไตล์


สำหรับคนรักงานอย่างคุณที่อยากเริ่มดูแลสุขภาพ มาเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ ที่มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ตอบโจทย์คนรักงานให้มีสุขภาพดี เลือกช้อปออนไลน์ง่าย ๆ ได้ที่