Sort by
Sort by

เนสท์เล่ดำเนินการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสังคม และยังเป็นหนึ่งในความเสี่ยงต่อการผลิตวัตถุดิบที่จะนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของบริษัท เราจึงดำเนินการมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Net Zero Company หรือบริษัทที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ พร้อมเร่งดูแลและฟื้นฟูระบบอาหารในวงกว้าง ข้อมูลนี้คือแผนงานและความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ระดับโลก 
 

บริษัทมีแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร

ในเดือนธันวาคม 2020 เนสท์เล่เป็นหนึ่งในบริษัทอาหารกลุ่มแรก ๆ ที่เผยแพร่แผนงานด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Roadmap) (pdf, 10Mb) ซึ่งตอกย้ำถึงการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ของบริษัทเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ 

เป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท คือ มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิตลอดทั้งระบบลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เป็นอย่างช้า ซึ่งบริษัทกำลังดำเนินการได้ตามแผนงานที่ตั้งไว้ เพราะจากเดิมที่เคยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในช่วงปลายปี 2019 ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้บริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตาม ในปี 2022 บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 6.4 ล้านตัน 

การดำเนินงานของบริษัทมุ่งเน้นการส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟูให้กับเกษตรกรและซัพพลายเออร์อย่างต่อเนื่อง โดยปลูกต้นไม้ 20 ล้านต้นทุกปีต่อเนื่องไปอีก 10 ปีข้างหน้า และเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025
 

ในฐานะที่เป็นบริษัทอาหาร เนสท์เล่ให้ความสำคัญในด้านใดสูงสุด

การเกษตร

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของบริษัท มากกว่า 2 ใน 3 มาจากการใช้ที่ดินและการเกษตร จึงเป็นเหตุให้บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินงานหลัก ๆ ในการส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟูและการปลูกป่า

  • เป้าหมายของบริษัทคือ การจัดหาวัตถุดิบหลักของเรา 20% จากการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2030 ซึ่งคิดเป็นวัตถุดิบกว่า 14 ล้านตันที่มาจากการเกษตรเชิงฟื้นฟู 
     
  • บริษัทกำลังทำงานร่วมกับเกษตรกรกว่า 500,000 รายและซัพพลายเออร์อีกกว่า 150,000 ราย ในการพัฒนาการทำงานเพื่อส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟู
     
  • บริษัทกำลังดำเนินงานตามแนวทาง Forest Positive โดยตั้งเป้าในการรักษาระบบซัพพลายเชนให้ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า 100% ภายในสิ้นปี 2022 สำหรับน้ำมันปาล์ม น้ำตาล ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ กระดาษและเยื่อกระดาษ และภายในปี 2025 สำหรับกาแฟและโกโก้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินโครงการปลูกป่าทั่วโลก โดยตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 200 ล้านต้นภายในทศวรรษนี้

การดำเนินธุรกิจ 

บริษัทมีการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ด้านที่สามารถทำได้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • ภายในปี 2025 บริษัทจะซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ในทุกประเทศที่เราดำเนินงานอยู่ทั่วโลก ซึ่งเราได้ทำตามแผนแล้ว 60% และกำลังดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

  • นับจนถึงปัจจุบัน กลุ่มรถยนต์ของบริษัททั่วโลกมากกว่า 25% ได้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่

บริษัทได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น 

  • เราได้เพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากพืช (plant-based) เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากพืชเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์วูน่า (Vuna) ทางเลือกใหม่ที่อร่อยลงตัวทดแทนปลาทูน่าจากส่วนผสมเพียง 6 ชนิด และ ผลิตภัณฑ์แบรนด์วันด้า (Wunda) นมทางเลือกจากถั่ว 

  • แบรนด์ต่าง ๆ ของเรา เช่น การ์เดน กัวร์เม (Garden Gourmet) การ์เดน ออฟ ไลฟ์ (Garden of Life) หรือ
    เพอร์โซนา (Persona) ก็มีส่วนช่วยสร้างซัพพลายเชนทางการเกษตร โดยส่งเสริมการทำเกษตรเชิงฟื้นฟู