ปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคไม่เพียงแต่ต้องการบริโภคอาหารที่มีรสชาติดีเท่านั้น แม็กกี้จึงให้ความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งรสชาติและโภชนาการ
ผลิตภัณฑ์ซอสของแม็กกี้ เช่น ซอสเหยาะจิ้ม และซอสปรุงอาหาร พิถึพิถันในเรื่องการผลิต โดยผ่านการตรวจสอบสาร 3-MCPD นอกจากนี้ ซอสที่ได้ยังมีความเข้มข้นลงตัว หอมอร่อยกลมกล่อม ให้กลิ่นรสในแบบเฉพาะของแม๊กกี้
ในด้านการส่งเสริมโภชนาการของผลิตภัณฑ์ แม็กกี้ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนเป็นส่วนประกอบใน
ผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับภาครัฐในการส่งเสริมการบริโภคไอโดดีน นอกจากนี้ แม็กกี้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น การพัฒนาซอสหอยนางรม ตราแม็กกี้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีโคเลสเตอรอล หอมอร่อยกลมกล่อม
ทั้งหมดนี้ แม็กกี้ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ซอสแม็กกี้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความอร่อยให้กับเมนูโปรด
แม็กกี้ ได้ริเริ่มโครงการกิจกรรม “แม็กกี้ห้องเรียนทำอาหารเคลื่อนที่” โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้บริโภคในชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆในประเทศไทย ผ่านการเรียนการสอนทำอาหารจานสุขภาพ
กิจกรรม แม็กกี้ห้องเรียนทำอาหารเคลื่อนที่ เน้นการสอนทำอาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น พร้อมให้ความรู้ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายแก่ชุมชนในเรื่องสารอาหารและการปรุงอาหาร ด้วยงบประมาณที่เหมาะสมกับรายได้ของชุมชน
- สูตรการทำอาหารจากแม็กกี้ ที่ทั้งง่ายและอร่อย ได้มีการสอนผ่านการเรียนรู้ แบบปฎิบัติการ เพื่อสร้างสรรค์เมนูท้องถิ่นที่หลากหลาย โดยใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ในชุมชนนั้นๆ
- ความรู้เรื่องสารอาหาร และ เคล็ดลับการปรุงอาหารได้ถูกเผยแพร่ผ่านการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในท้องถิ่น
- สูตรการทำอาหารหลากหลายชนิด ประกอบด้วยส่วนผสมหลักจากแม็กกี้เพียงสองชนิด คือ ซอสปรุงอาหาร และ ซอสหอยนางรม โดยสามารถแบ่งประเภทของเมนูอาหารได้เป็นสามประเภทหลักคือ เมนูหมัก ผัด และ ต้ม
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเตรียมอาหารได้ ด้วยการใช้สูตรเมนูอาหารจากแม็กกี้ที่ใช้เครื่องปรุงเพียงสองชนิด
กิจกรรม แม็กกี้ห้องเรียนทำอาหารเคลื่อนที่ จัดทำขึ้นตั้งแต่ ปี 2553 โดยมีผู้บริโภคกว่า 1,700 ชุมชน ได้รับประสบการณ์การทำอาหารจานอร่อยด้วยวิธีที่ง่าย
ทีมงานมีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ในเรื่องสุขภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีจากการบริโภคอาหารของชุมชนชาวไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะ
ต่อยอดกิจกรรมนี้สู่ครอบครัวผู้บริโภคคนไทยต่อไปในอนาคต